Blowin’ in the songs
โดย : ประมวล ดาระดาษ
p_daradas@hotmail.com
ปี 2012 ผ่านไปแล้ว ก็ไวเหมือนโกหก เสียงเพลงแห่งบทเพลง นอกจากกังนัม สไตล์ที่สุดแสนจะป๊อปปูลาร์ แบบดนตรีให้โอกาสพวกอันเดอร์ ด็อก คือไม่น่าจะโด่งดังและครองใจคนฟัง ขาแดนซ์ ไม่ว่าจะพิจารณากันในแง่มุมใด แต่โลกก็ยังคงของแปลกใหม่ไว้เสมอ
ฟังกังนัมแล้ว อย่าไปเผลอเต้นคะนองเข้าละครับ…อาจถึงตายได้
ถึงสหัสวรรษใหม่นี้แปลกจริงนะเออ…ก็แปลก…คือ แบบฟังเพลงแล้วอาจถึงแก่ชีวิต คงจะเป็นเพราะโลกนั้นไร้สาระขึ้นกระมัง แต่ก็ยกประโยชน์ให้จำเลยไปก็แล้วกัน ในฐานะเพลงเขาน่าแรงจริงๆ (ฮา)ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้เป็นเพลงแนวเมทัล แบบโหดแบบแนวเดธ ก็หาใช่ไม่
ส่วนแฟนนานุแฟน ประเภทพวกนิยมชมชื่น ฟังและเที่ยวผับ ตามท่วงทำนองเบสิกแห่งขาแดนซ์ ผู้นิยมคุณค่า เน้นการฟังและดูแบบใช้ทรวดทรง องค์เอว ลีลาและน้ำเสียง ตามแนวสำนักมาตรฐาน อย่าง บริทนีย์ สเปียรส์, รีฮันนา, บียองเซ่ เลดี กาก้า และ เคที่ เพอรรี่ ฯลฯ จะว่าไปเพลงประเภทนี้ แนวป๊อป แดนซ์ หรือดับสเต็ป ก็อันตรายอยู่ โดยเฉพาะ ขาแดนซ์หนุ่มๆ ก็อาจจะจุกตายได้ ประเภทแอบรักจนจุกอกนั่นแหละ(ฮา)
โลกแห่งเสียงเพลง ดนตรี หากจะมีคุณค่าขึ้นมาบ้าง ก็ต้องลองไปหาอัลบัมแห่งปี 2012 เหล่านี้ มาฟังกัน นั่นคือ การให้และดำรงสุนทรียะแห่งเสียงเพลง ตามรูปแบบ เนื้อหา แบบได้รับการยอมรับจากนักฟังเพลงทั่วโลก
กับห้าอัลบัมนี้เข้าชิง อัลบัมยอดเยี่ยมของรางวัลแกรมมีอันทรงเกียรติแห่งปี
เมื่อเป็นอัลบัมแบบเข้า แบบได้ลุ้นได้ชิง เราก็หามาฟังกันหน่อย แบบทำให้ชีวิต ดูดี มีรสนิยม
เมื่อจะเข้าถึงสัจแห่งการได้เข้าชิง เราก็มาดูเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย พร้อมทั้งตัวอย่าง ซิงเกิ้ล ที่ถูกตัดออกมาจากอัลบัมกัน สักเพลง เพื่อเปรียบเทียบรูปลักษณ์ว่าใครจักแชมป์กัน
เหนืออื่นใด ก็น่าจะเป็นการแนะนำให้คอเพลงสากลได้สืบเสาะ แสวงหามาฟังกันนั่นเอง เพื่อประดับรสนิยมวิไล ให้คงไปตลอดปี 2013 นั่นเอง
อันดับแรก
“เอล คามิโน” ของวง “เดอะ แบล็ก คียส์”
อัลบัมอันดับที่เจ็ดของสองหนุ่มแห่งวงการการาจ ร็อค จากโฮไฮโอ เป็นอัลบัมแนวร็อค ที่เริ่มผลิตสร้างสรรค์กันที่ตักศิลาแห่งคันทรี่ แนชวิลล์ ก็เพราะว่า “แดน เอาเออบาค” มือกีตาร์หัวหน้าวงหมอมีสตูดิโออยู่ที่นั่น
เขาร่วมงานกับสมาชิกอีกคนในวง คือ แพทริก คาร์นีย์ได้อย่างเข้าเขา ผสานฝีมือไม้ลายมือเข้ากับสุดยอดโปรดิวเซอร์ แดนเจอร์ เมาส์ ผู้สร้างสรรค์งานได้อย่างใจปานคลิกเมาส์
อัลบัมนี้ออกมาตั้งแต่เดือน มีนาคม 12 แล้ว ก็โด่งดังเรื่อยมา ฟังกันเต็มอิ่มถึง 11 เพลง
“เอล คามิโน” เป็นภาษาสเปน นั่นหมายถึง “เส้นทางและวิถีแห่งดนตรีที่จะต้องดำเนินไป”
ศิลปินนั่งเพ่งรถยนต์เช็ฟโรเล็ต ยุค 50 รุ่น El Camino ตอนออกทัวร์คอนเสิร์ตปี 10 ตอนนั้น
พอเพ่งแล้วก็เกิดพุทธิปัญญา จึงทำเพลงเต็มอัลบัมขึ้นมา จากคอนเซ็ปต์และแรงบันดาลใจง่ายๆ
จะว่าไปดนตรีร็อค นั้นได้อิทธิพลมาจากยุค 50-70 นั่นคือ ความไพเราะ และเบ่งบานกันทั้งโลกดนตรีแบบขึ้นหิ้งมารจนถึงทุกวันนี้
สหัสวรรษใหม่ก็ไม่มีหนทางจะไปกันกระมัง สำหรับรูปแบบและแนวดนตรี ก็ย้อนยุคกลับไปสู่ดนตรียุควินเธจนั้น
อัลบัมชุดนี้คือการยืนยันในตรรกะนั้น
อันดับสอง
อัลบัม “ซัม ไนทส์” จากวง ฟัน (fun)
ชื่อและความหมายของวงเหมือนจะหมายให้ออกทางสนุกสนาน อารมณ์ดี ก็แตกศิลปินมาจากวง “เดอะ ฟอร์แมท”
ฟัน เป็นวงอินดี้ ร็อค จากเมืองใหญ่จากเมืองนิวยอร์ค ฟอร์มวงขึ้นมาโดยหนุ่มอินดี้สุดเซอร์ เนท รุเอส กับเพื่อน แอนดรูว์ ดอสท์ และแจ็ค แอนโตน็อฟ แห่งอดีตวง “อนาตอลโล” และ “สตีล เทรน”แบบพกประสบการณ์ ทักษะฝีมือ กับความช่ำชองในงานดนตรีของแต่ละคนมาแบบล้นใจ
ช่วงระยะเวลาตั้งแต่พวกเขารวมตัวกัน ปี 2008 กับผลงาน แค่สองอัลบัม เท่ากับการประณีตพิถีพิถันสรรค์สร้างงาน สองปีต่อหนึ่งอัลบัมนั้น การันตี ต่อการใช้เวลาเจียระไนผลงานอยู่
ฟัน กับอัลบัมแรกที่เปิดตัวโด่งดังชุด Aim and Ignite (2009) Some Nights (วางแผง กุมภาพันธ์ 2012) และเมื่อ 5 ธ ค.12, Fun. ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมีถึง 6 สาขา ศิลปินหน้าใหม่ บันทึกเสียงแห่งปี เพลงแห่งปี คูดูโอแสดงสดยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอัลบัมแห่งปีนั้น เหนือความคาดหมาย…
เรามาฟังสักแทร็ก จากการพิจารณาแนวทางซิงเกิ้ล และวิดิโอ ที่ยกตัวอย่างมานี้ พวกเขามีอัตลักษณ์ที่ชัดเจน ทรงพลัง รูปลักษณ์เยี่ยม เป็นดนตรีมีบุคลิค
อันดับสาม
ชานเนล โอเรนจ์ ของ แฟรงค์ โอเชี่ยน
การเปิดเผยรสนิยมทางเพศแบบ”เพศทางเลือก” แบบมีรสนิยมเฉพาะตนนั้น ในวงการเพลงฮิปฮ็อปมักจะถูกกีดกันจากแฟนเพลง แต่แฟรงค์ โอเชียนนั้น ก็ได้ค่อยๆ เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตนออกมา เขาเขียนเพลงที่สื่อและเรียกร้อง แบบถวิลหาโหยไห้ ในความคิดคำนึง ถึงคนรักในซิงเกิ้ล “ thinking about you” ซิงเกิ้ลเปิดตัวอัลบัมชุดแรกของเขา นี่คือ การแย้มไพ่ ต่อข้อสงสัย ถึงรสนิยมทางเพศ
เพราะหนุ่มวัยใกล้เบญจเพสผู้นี้ มักแต่งเพลงที่เขียนสื่อถึง บุรุษที่สามในนาม”เขา”แบบบ่อยครั้ง คือโหยหาเขา มากกว่า”หล่อน” บนความเคลือบแคลงใจต่อแฟนรสนิยมเดียวกันที่จะได้ลุ้น และกับผู้เห็นต่างที่จักต้องวิพากย์ให้พังไปข้าง
และแล้วความแคลงใจทั้งหมดก็คลี่คลาย เมื่อเจ้าตัวประกาศผ่านเว็บไซต์ของตนว่า เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ชายตั้งแต่อายุ 19 ปี การได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
นี่อาจจะเป็นสาเหตุเดียว ที่ฝีมือการประพันธ์เพลง และเนื้อหา ต่อการได้รับชื่อเสนอชิงรางวัลแกรมมี รางวัลใหญ่ๆ อาจจะต้องหันกลับมาทบทวน
แต่ก็อย่างว่าแหละ…ถ้าตัดประเด็นเรื่องส่วนตัว และรสนิยมทางเพศกรณีนี้ออกไป อัลบัม ชานเนล โอเรนจ์ ก็จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของทุกรางวัลที่ได้เข้าชิงทีเดียว
อันดับสี่
บาเบล ของ มัมฟอร์ด & ซันส์
“บาเบล” (Babel) อีกสุดยอดอัลบัมของวงโฟล์ค-คันทรี ร็อคจากอังกฤษ “มัมฟอร์ด & ซัน”
อัลบัมนี้ ทำลายกระแสวงการเพลงในยุคไอจูนส์ลงราบคาบราบคาบต่อยอดขาย คือ สามารถทำสถิติยอดไปได้ถึง 6 แสนอัลบัม จากการเปิดตัวในสัปดาห์แรกในอเมริกา และในปีนี้ พ่อลูกครอบครัวนี้ก็ทำลายสถิติตำนานที่ทำไว้โดย จัสติน บีเบอร์ กับอัลบัม “บีลีฟ” ที่ทำยอดขายอาทิตย์แรกสามแสนกว่า เกือบหนึ่งเท่าตัว
เฉพาะในอังกฤษ “บาเบล” ก็ทำได้ถึงหนึ่งแสนหกหมื่นอัลบัมในสัปดาห์แรกที่วางจำหน่ายแบบขึ้นอันดับ 1 อัลบัมชาร์ตเช่นกัน
นอกจากนี้ อัลบัม “บาเบล” ยังทำสถิติเป็นอัลบัมร็อคที่มียอดขายมากที่สุดในอาทิตย์แรกในอเมริกานับตั้งแต่อัลบัม “Black Ice” ของวง AC/DC ที่เคยทำไว้ในปี 2008
“มัมฟอร์ด & ซันส์” สร้างชื่อในอเมริกาในอัลบัมที่แล้วด้วยยอดขายและรางวัลเล็ก ๆ แม้จะไม่ได้รางวัลใหญ่บนเวทีแกรมมี่ แต่ก็คว้ามาถึงสามรางวัลจากบิลบอร์ด มิวสิค อวอดส์ รวมถึงยอดขายถึงสี่ล้านอัลบัมจากอัลบัมชุดแรก Sigh No More
“มาร์คัส มัมฟอร์ด” แกนนำวง กล่าวว่าจากการที่วงตระเวนทัวร์อย่างหนักในอดีต ทำให้ทางวงเข้าถึงและชนะใจคนอเมริกัน โดยพวกเขาเพิ่มแฟนคนฟังด้วยวิธีนี้นั้น หาจากแผ่นฟังไม่ได้ การออนทัวร์ ไม่ได้หมายถึงการไปแสดงบนลานเบียร์แบบศิลปินไทย
ก็สมใจต่อความสำเร็จกับอัลบัมนี้ แบบใครวิน ก็มีสิทธิเป็นไปได้ทั้งนั้น
อันดับห้า
อัลบัม “บลันเดอร์บลัส” โดย แจ็ก ไวท์
ก็นับเป็นอัลบัมแบบปืนสั้นกระบอกโต ของศิลปินผิวขาว แบบมาเดี่ยวและกับการคาดหวังแบบเคาบอยผิวขาว คือ ยิงก่อนแล้วค่อยชันสูตรศพแบบเคาบอยนักล่าค่าหัวเงินรางวัล
แจ็ก ไวท์ จะไปถึงฝั่งฝันได้มากน้อยแค่ไหน ตลาดของไวท์ นั้นเตรียมการณ์เฉลิมฉลองไว้แล้ว
เริ่มประเดิมชิมลาง โดยผลงานของแจ็ก ไวท์ ต่อการประกาศรายชื่อผู้เข้าชิง Music Producers Guild Awards ประจำปี 2013โดยแจ็ค ไวท์ คือหนึ่งในหลายๆ รายชื่อที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล เขาจะต้องไปประชันกับโปรดิวเซอร์ที่มากทั้งชื่อชั้นและฝีมือ ไม่ว่าจะเป็น พอล เอ็พเวิร์ธ รวมถึงแม็กซ์ มาร์ติน โดยเดมอน อัลบาร์น
ในขณะที่เขาแจ็กไวท์ ต้องแข่งกับอัลบัมของ Florence & The Machine พอล เอ็พเวิร์ธ แบบสูสี และในส่วนของต่างประเทศ ปรากฏว่า เดอะ แบล็ก คียส์ กับ แจ็ค ไวท์ ก็ไม่น้อยหน้า ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในหลายสาขาเช่นกัน
ส่วนรางวัลแกรมมีนั้น แจ๊ก ไวท์ ก็ได้เข้าชิงอีกเช่นกัน และน่าจะหนักเมื่อได้เจอกับสุดยอดฝีมือ อีกสี่อัลบัมที่กล่าวมา จึงเป็นปีทองของเขานับแต่แยกมาเป็นศิลปินเดียวที่น่าจะประสบความสำเร็จอีกคนหนึ่ง
ทั้งหมดทั้งมวล คือ ห้าสุดยอดอัลบัม ห้ามุมมอง ห้าแนวทางแห่งดนตรี ปรากฏว่า มีแนวแปลกแยกออกมาจากปีที่แล้วก็คือ ปีนี้ไม่ใช่ปีของดนตรีแนวฮิปฮ็อป มีความเป็นร็อคแบบการาจและอินดี้ ถึงสองอัลบัม และอีกสองก็ออกแนวลูกผสม อย่างโฟล์ค คันทรี่ ร็อค ที่เป็นลุกผสมแนวทางใหม่
รางวัลแกรมมีนั้นเป็นรางวัลใหญ่และเหมือนจะชี้แนวทางรสนิมการเสพดนตรีของโลกไป จากการพิจารณา เหมือนโลกจะเป็นใบเดียวก็จริง การเชิงพาณิชย์แบบขายได้สไตล์ป็อปฮิต แบบแนวแดนซ์ เซ็กซี่ ขายดีก็ยังคง
แต่โลกของการพิศคุณค่าดนตรี ต่อรูปแบบนั้น เหมือนจะก้าวย่างเดินไปต่อแนวทางปัจเจกสร้างสรรค์อิสระ งามแบบแปลกแยกออกไปแบบทรงคุณค่า
สิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่ หล่อเลี้ยงโลกให้เปี่ยมหวังและฝันกันต่อไป เป็นโลกแห่งสุนทรียศิลป์ที่ผูกโลกทั้งไปไว้ ไม่ให้ตกอยู่ในอันตรายแบบไร้แก่นสารจนเกินไปนัก