เรียกได้ว่าชุดเครื่องแบบตำรวจ เป็นอีกชุดในบรรดาเครื่องแบบทั้งหมดที่สามารถเติมต่อทอฝันให้เหล่าลูกเด็กเล็กแดงคลั่งไคล้ใหลหลง ชนิดที่ว่าถ้าต้องตอบคำถาม “โตขึ้นอยากเป็นอะไร ?” การเห็นตัวเองได้อยู่ในชุดกรมท่าสีน้ำเงินนี้ คงเป็นความฝันของเด็กๆ จำนวนหนึ่งอย่างไม่อาจปฏิเสธ
เพราะนอกจาก “ตำรวจ” จะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ผู้ดูแลความสงบเรียบร้อย รวมถึงปราบโจรผู้ร้ายให้กับบ้านเมือง อาภรณ์เครื่องแบบยังเท่ล้ำระเบิดระเบ้อ แต่ที่เปิ๊ดสะก๊าดสุดๆ คงจะหนีไม่พ้นอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สามารถพกติดตัวได้ โดยเฉพาะในยามออกปฏิบัติการ ดูทรงพลังอำนาจป๊าดสะเกิ๊ดเปิ๊ดสะก๊าดฝุดๆ
สดๆ ร้อนๆ ก็เมื่อวานที่ผ่านมานี้เอง ภาพของตำรวจไทยที่ขนกันมาหลายสิบกองร้อยเพื่อปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมทางการเมือง คงจะเป็นอีกหนึ่งภาพแห่งความทรงจำที่มีต่อตำรวจไทยอย่างยากที่จะลืมได้ เพราะลำพังแค่ “ชุดเครื่องแบบ” ของพี่ท่าน ก็กินขาดซะจนไม่รู้จะอธิบายยังไง
ตามตัวบทกฎหมายนั้น ระบุให้ตำรวจปราบจลาจลสามารถมีชุดเครื่องแบบและเครื่องป้องกันของตำรวจปราบจลาจล หรือควบคุมฝูงชนที่ถูกต้อง ประกอบไปด้วย
เสื้อแขนยาวสีกรมท่า
กางเกงขายาวสีกรมท่า (ปล่อยชายเสื้อ)
เสื้อเกราะกันกระสุน
หมวกครึ่งใบมีกระจกบังใบหน้า
สนับแข้ง
สนับเข่า
ถุงมือ
กระบอง
โล่ขนาดครึ่งลำตัว
ส่วนการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมจะต้องปฏิบัติเป็นไปตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก คือ
1.ประกาศเตือนอย่างชัดเจนว่าจะเข้าดำเนินการสลายการชุมนุม
2.หากไม่สำเร็จสามารถใช้มาตรการฉีดน้ำสลายการชุมนุม
3.ประกาศใช้แก๊สน้ำตา
หลังจากขั้นนี้ หากยังไม่มีการสลายการชุมนุม เจ้าหน้าที่สามารถใช้อาวุธกระบอง กระสุนยาง และกระสุนจริง (การยิงควรยิงในระดับต่ำ) ตามลำดับได้
สำหรับปฏิบัติการสลายการชุมนุมในครั้งนี้ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนมาตรฐานหลักสากลเลยแม้แต่น้อย โดยยกตัวอย่างสถานการณ์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมเมื่อปี 2553 ขณะนั้นมี ศอฉ.เป็นหน่วยในการดูแลความสงบเรียบร้อย ยังต้องประกาศก่อนกระชับพื้นที่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อผู้ชุมนุม อาทิ ใช้การฉีดน้ำเข้าไป หรือจะเป็นการใช้กระสุนยาง การใช้อาวุธอะไรต่างๆ ต้องมีการระบุให้ชัดเจนเสียก่อน สรุปประกาศบอกประชาชนเป็นขั้นเป็นตอน ดำเนินการขั้นที่ 1 และ 2 และ 3 และ 4 จะทำอย่างไรบ้าง
“การสั่งสลายการชุมนุมครั้งนี้มีการใช้อาวุธจริงจนเกิดเหตุบานปลายจนมีผู้เสียชีวิต รัฐบาลซึ่งเป็นผู้สั่งการจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน” นายวันชัย กล่าว
และอีกสิ่งหนึ่งซึ่งหลายคนสงสัยไม่หายจนอยากเอานิ้วเท้าก่ายหน้าผากนักการเมืองขี้โกง อุ๊บส์ส์ส์…เพราะน่ามึนงงปนกังขาเป็นที่ยิ่ง กับชุดเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ซึ่งมาปฏิบัติการขอคืนพื้นที่เมื่อวานที่ผ่านมา (18 ก.พ.2557) เหตุไฉนจึงดูล้ำไปไกลชนิดที่ “หลักสากล” ยังต้องหลีก บางคนวิจารณ์ว่า นี่มันดูคล้ายกับชุดซึ่งใช้สำหรับบุกชาร์จในปฏิบัติการอันซีเรียสอย่างพวกการจับพวกโจรผู้ร้าย ผู้ก่อการร้าย หรือพวกค้ายาเสพติดอย่างที่บิ๊ก ตร.จอมแอ็คอาร์ตบางคนชอบใช้สมัยโน้นหรือเปล่า
แต่นี่แค่ขอคืนพื้นที่ไม่ใช่เร้อ? ไม่ได้จะบุกชาร์จผู้ก่อการร้ายซะหน่อยนะครับ แหม่
แล้วไอ้หมวกม่งหมวกโม่ง ปิดหน้าปิดตาขนาดนั้น มันคืออัลไล? ทำไมจำเป็นต้องสวมหมวกไอ้โม่งสีดำ นี่ถ้าใส่ชุดดำมาด้วยอีก จะไม่ทำให้ชาวบ้านชาวเมืองเขาเข้าใจผิดกันไปใหญ่เหรอ? ยิ่งช่วงนี้ วาทกรรมแบบ…อันนั้นปลอมอันนี้ปลอม ชาวนาปลอม นายกฯปลอม อุ๊บส์ส์ ไม่ใช่ละ… เป็นไปได้หรือไม่ที่ใครสักคนจะคิดถึง “ตำรวจปลอม” บ้าง?!!
แต่เอาเถอะ เพื่อให้คลี่คลายหายสงสัย เราเลยไปเอาภาพจากหลายมุมมองมาให้ได้ชมกันเพื่อเปรียบเทียบ เลียบๆ เคียงๆ เมียงๆ มองๆ ดูแล้ว ยอมรับเลยว่า ในเวลาปฏิบัติการปราบจลาจล ตำรวจในภาพยนตร์ ยังสวมชุดได้เป๊ะกว่าตำรวจของบางประเทศอีกแน่ะ หุหุหุ
และมันน่าจะเป็นการตอกย้ำที่ชัดเจนอย่างยิ่งว่า ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ แม้กระทั่งทำให้ดูเหนือชั้นกว่าหนังฮอลลีวูด อิอิอิ
อันแรกนี้ของพี่ไทยที่ถ่ายมาโดยช่างภาพแมเนเจอร์ ออนไลน์ ในปฏิบัติการสลายการชุมนุม เมื่อวาน (18 ก.พ. 2557) ดูแล้วคิดเห็นเป็นเช่นไร?
ส่วนอันนี้เป็นของตำรวจเมืองนอก
สุดท้าย เป็นตัวอย่างย่อมๆ ของตำรวจปลอมๆ อ้าว!! ก็ปลอมจริงๆ นะ เพราะมันเป็นภาพตำรวจจากภาพยนตร์เรื่อง Battle in Seattle ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการปราบจลาจล