พลันจากวินาทีที่ Maxi Rodiguez กองกลางชาวอาร์เจนไตน์ ซัดจุดโทษลูกที่ 4 และพาทีม “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา เข้ารอบชิงชนะเลิศในศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลไปครอง บรรดาผู้เกี่ยวข้องของทีมฟุตบอล “อัศวินสีส้ม” ฮอลแลนด์ ทั้งนักฟุตบอล เฮดโค้ช ทีมงาน และเหล่ากองเชียร์ ต่างตกอยู่ในอารมณ์ที่ “โศกเศร้า” และ “เสียใจ” อย่างเห็นได้ชัด กับการปราชัยให้กับคู่แข่งในเกมนี้ และนั่นก็เป็น “ความผิดหวัง” อีกครั้ง สำหรับทีมชาติฮอลแลนด์ หนึ่งในทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดของโลก ที่ยังคงไร้ความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันในศึกฟุตบอลโลก และคำว่า “สุดยอดทีมที่มีพรสวรรค์แต่ยังไร้ถ้วยรางวัลเวิลด์คัพ” ยังคงตามหลอกหลอนให้กับพวกเขาอย่างไม่เสื่อมคลาย
นับตั้งแต่บรรทัดนี้เป็นต้นไป ถือว่าเป็นบทความชิ้นหนึ่งที่ขอมอบให้กับขุนพลดัตช์แมน และแฟนบอลฮอลแลนด์ เอาไว้ซับน้ำตาแห่งความเสียใจไปพลางๆ ก่อนที่จะเดินหน้าต่อไป และหวังว่า “สักวันหนึ่ง” พวกเขาจะสมหวังกับศึกฟุตบอลโลกกับเขาเสียที
ฮอลแลนด์กับประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก
ทีมชาติฮอลแลนด์ หรือเรียกว่า “เนเธอร์แลนด์” ผ่านเข้ารอบศึกฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก ในปี 1934 ที่อิตาลีเป็นเจ้าภาพ แต่ในตอนนั้น ฮอลแลนด์ยังคงเป็นแค่ไม้ประดับในโลกฟุตบอลเท่านั้น จึงตกรอบแรกอย่างรวดเร็ว ด้วยการพ่ายแพ้ต่อ สวิตเซอร์แลนด์ ไปด้วยสกอร์ 2-3 และในครั้งต่อมา ปี 1938 ฮอลแลนด์ก็ได้ร่วมแข่งขันที่ฝรั่งเศส และผลก็เช่นเดิม ตกรอบแรก ด้วยฝีมือของ เชโกสโลวะเกีย ไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ 0-3 (90 นาที เสมอ 0-0) และหลังจากนั้น ฮอลแลนด์ก็ไม่เคยเข้ารอบสุดท้ายได้เลย ตั้งแต่ปี 1950 ถึง 1970
กระทั่งปี 1974 ทีมชาติฮอลแลนด์ ก็สามารถผ่านเข้ารอบมาได้แบบเรียบๆ แต่มาแบบเสือซุ่ม เพราะพวกเขาสามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศอย่างไม่มีใครคาดคิด ด้วยรูปแบบการเล่นนาม 'โททัลฟุตบอล' (Total Football) ที่ผู้เล่นทั้งสนามสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งและผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนที่ยืนได้ตลอดเวลา จนสามารถสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก แต่โชคชะตามักเล่นตลกกับพวกเขา เมื่อเป็นฝ่ายปราชัยให้กับ เยอรมันตะวันตก ชาติเจ้าภาพ ไปด้วยสกอร์ 1-2
ถึงแม้ว่าครั้งต่อมา พวกเขาก็ได้เข้ารอบและเข้าชิงได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องแพ้ให้กับ อาร์เจนตินา ไป 1-3 (หลังจากต่อเวลาพิเศษ) และพวกเขาก็ต้องตกรอบคัดเลือก ใน 2 ครั้งถัดไป คือ 1982 และ 1986 อีกด้วย
ปี 1990 พวกเขาก็กลับมาอีกครั้ง ด้วยศักดินาที่ดีกว่าเดิม นั่นคือ เจ้าของแชมป์ “ยูโร 1988” ที่เพิ่งได้มาเมื่อ 2 ปีก่อนหน้า แต่ฟอร์มการเล่นของพวกเขากลับน่าผิดหวังจริงๆ เมื่อต้องตกรอบสอง ด้วยน้ำมือของเยอรมันตะวันตก (อีกแล้ว) ด้วยสกอร์ 1-2 ตกรอบไปแบบไม่น่าจดจำ เช่นเดียวกับปี 1994 ที่ต้องตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปจากน้ำมือของ บราซิล ด้วยผล 2-3 ซึ่งทั้งสองทีมก็ก้าวไปสู่แชมป์โลกในบั้นปลาย…
ทัพอัศวินสีส้มกลับมาเข้าสู่รอบลึกๆ ได้อีกครั้ง ในปี 1998 ที่ฝรั่งเศส โดยพวกเขาสามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ก็ยังไม่มีวาสนาพอ เมื่อพ่ายแพ้ให้กับ บราซิล ไปในการดวลจุดโทษ 2-4 (90 นาที 1-1) และทำได้เพียงอันดับ 4 เท่านั้น เมื่อต้องพ่ายแพ้ให้กับ โครเอเชีย ด้วยผล 1-2 ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคมืดอีกครา เมื่อต้องตกรอบคัดเลือกในปี 2002 และเข้าแค่รอบสอง ในปี 2006 ตามลำดับ
จนเมื่อปี 2010 ฮอลแลนด์ กลับทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ด้วยการเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งที่สาม แต่ดูเหมือนว่าก็ยังไร้โชคต่อไป เมื่อต้องพ่ายแพ้ให้กับ สเปน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ด้วยสกอร์ 0-1 คว้ารองแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 3 อย่างขมขื่น
นักเตะในตำนาน
นับตั้งแต่เริ่มเป็นที่จับตามองเป็นต้นมา ฮอลแลนด์ ก็มียอดนักเตะมาประดับให้กับโลกฟุตบอลมาตั้งแต่นั้น เริ่มตั้งแต่ Johan Cruyff, Johan Neeskens ในช่วงยุค 1970 ก่อนที่จะส่งต่อมาที่ 3 ทหารเสือ คือ Marco Van Basten, Ruud Gullit และ Frank Rijkaard รวมถึงยอดนักเตะ ไม่ว่าจะเป็น Ronald Koeman Frank De Boer Dennis Bergkamp Edwin Van der Sar ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 ถึง 1990 จนกระทั่งยุค 2000 ก็มี Ruud Van Nistelrooy Robin Van Persie Wesleys Sneijder Arjen Robben ที่กลายเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับฮอลแลนด์มาจนถึงทุกวันนี้
Johan Cruyff
Frank Rijkaard Marco Van Basten และ Ruud Gullit
Dennis Bergkamp
Ruud Van Nistelrooy
Robin Van Persie Arjen Robben และ Wesleys Sneijder
อัปเดตหลากหลายเรื่องราวข่าวสาร สาระบันเทิงได้ที่แฟนเพจ mars magazine