ช่องทางทำเงิน(ใหม่)ของเหล่าร็อกสตาร์


’ศิลปินไส้แห้ง’ คำเหยียดหยามที่นักดนตรีทุกท่าน ต้องเคยได้ยินได้ฟังกันมาอย่างแน่นอน (โดยเฉพาะเวลาไปคุยกับว่าที่พ่อตาแม่ยาย) แต่เรื่องราวของศิลปินนักดนตรีต่อไปนี้ คือตัวอย่างของผู้ที่รู้จักพลิกผันชีวิต สู่ความสำเร็จในฐานะ ‘นักธุรกิจ’ ด้วยสมองและสองมือ โดยมิได้นอนฝันถึงแต่ชื่อเสียงที่สั่งสมมา

Gene Simmons @KISS
หนึ่งในสมาชิกของ สุดยอดวงดนตรีร็อกที่โด่งดังมากในยุค 70’s หลายสิ่งหลายอย่างของวงนี้ มีอิทธิพลต่อกลุ่มเพลงร็อกมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าต่างๆ รูปแบบการโชว์ การแต่งหน้าแต่งตา รวมถึงการเป็นผู้บุกเบิกการชูสองนิ้ว (ชี้-ก้อย) พร้อมแลบลิ้นแบบที่นิยมทำกันในปัจจุบัน

เพื่อนๆ ในวงพูดเสมอว่า ถ้าเรื่องธุรกิจต้องยกให้มือเบสคนนี้เลย เพราะเจ้าตัวสนใจเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่หนุ่มๆ จึงไม่แปลกที่เขาจะได้รับความไว้วางใจให้ดูแลผลิตภัณฑ์สินค้าทุกชิ้นที่เกี่ยวกับวง รวมแล้วกว่า 2,900 ชนิด (อย่างที่ทราบกัน วงนี้เป็นหนึ่งเรื่องออปชั่น) นอกจากนี้ยังมีรายรับส่วนตัวจากอีกหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น รายการทีวีเรียลลิตี้ ร้านอาหาร ‘Rock & Brews’ ผู้จัดคอนเสิร์ต (Concert Promoter) และที่เพิ่งเปิดตัวไปคือ พ็อคเก็ตบุ๊คส์ ‘Me, Inc.’ ที่นำเสนอเรื่องของตัวเอง

Bono @U2
ตัวพ่อแห่งแนว Brit-Rock ที่ประสบความสำเร็จต่อเนื่องตั้งแต่ปลายยุค 80’s ต่อยอดถึงปัจจุบัน ด้วยผลงานเพลงฮิตติดหูมากมาย ภาคดนตรีอันยอดเยี่ยมบวกด้วยเสียงร้องและความเท่ของ Bono ส่งให้วงนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘หนึ่งในวงดนตรีที่เล่นสดได้ดีที่สุดในโลก’
ชื่อเสียงที่โด่งดังจนเป็นที่รู้จักทั่วโลก ทำให้ Bono คิดไอเดียที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆ สู่ผู้ด้อยโอกาส จึงได้ก่อตั้งองค์กร ONE ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ยากจนและเจ็บป่วยในทวีปแอฟริกา จากนั้นได้ร่วมกับภรรยาก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า Edun และลงทุนทำธุรกิจร่วมกับบริษัท Forbes Media และ Facebook แหม…ขยันหาเงินจริงๆ

Dave Mustaine @Megadeth
ฝีไม้ลายมือการเล่นอันยอดเยี่ยมสร้างชื่อให้กับ Dave ตั้งแต่ครั้งเป็นมือกีตาร์ให้กับ Metallica วงเฮฟวี่เมทัลระดับท็อปของโลก จนแยกตัวมาก่อตั้งวง Megadeth ก็ยังคงไว้ซึ่งริฟท์อันดุดันและไลน์โซโล่อันเฉียบขาด จนทั้งนักดนตรีและสื่อทุกแขนงยกให้เขาเป็นเบอร์ต้นๆ ของมือกีตาร์บนโลกใบนี้
เส้นทางสายธุรกิจของเขา เริ่มต้นจากการก่อตั้งไวน์ยี่ห้อ Mustaine’s Vineyards ร่วมกับภรรยา เริ่มขายครั้งแรกในงาน Select Cabernet Sauvignon 2012 ที่ขึ้นเล่นกับวง San Diego Symphony และไวน์ของร็อกสตาร์นายนี้ ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลา 3 วัน ถือเป็นการเริ่มต้นอันแข็งแกร่ง ให้เขาต่อยอดมาจนถึงปัจจุบัน

Gwen Stefani @No Doubt
ประสบความสำเร็จอย่างมากจากบทบาทนักร้องนำของ No Doubt ในยุคอัลเทอร์เนทีฟร็อกเฟื่องฟู โดยเฉพาะบทเพลง Don’t Speak ที่สนั่นเมืองมากๆ ผลักดันให้วงได้มีโอกาสขึ้นโชว์บนเวทีการแข่งขัน Super Bowl และแสดงเปิดให้กับวงตำนานอย่าง Rolling Stones
Gwen ถือเป็นสาวมากความสามารถที่มีเอกลักษณ์การแต่งตัวโดดเด่น จากจุดนี้เธอได้ออกแบบสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองขึ้น ใช้ชื่อว่า L.A.M.B ใช้แรงบันดาลจากดนตรีพังก์ร็อกที่เธอโปรดปรานผสานกลิ่นอายตะวันออกแบบญี่ปุ่น สร้างเป็นสไตล์เฉพาะตัว โดยเสื้อผ้าที่วางขายทุกชิ้น เธอจะออกแบบและตัดเย็บเองทั้งหมด

Sammy Hagar @Van Halen
นอกจากรับบทกระบอกเสียงของวงร็อกนามเอกอุ Van Halen หนึ่งในห้าวงฮาร์ดร็อกที่มียอดขายมากกว่า 100 ล้านแผ่นในสหรัฐอเมริกา Sammy ยังฝากผลงานไว้อีกมากมายทั้งในบทบาทนักร้องนำ มือกีตาร์ นักแต่งเพลง และปัจจุบันได้รวมตัวกับยอดฝีมืออย่าง Joe Satriani, Michael Anthony และ Chad Smith สร้างสรรค์ผลงานในนาม Chickenfoot
ในฐานะผู้รักการสังสรรค์และนักดื่มตัวยง Sammy ได้เริ่มก่อตั้งแบรนด์จำหน่ายเตกีล่าชื่อว่า Cabo Wabo แบรนด์นี้ถูกซื้อไปเมื่อปี 2010 ด้วยจำนวนเงินถึง 91 ล้านดอลลาร์ ต่อมาได้ทำธุรกิจร้านอาหารกึ่งผับชื่อ Cabo Wabo Cantina ในเมือง Cabo San Lucas ประเทศเม็กซิโก ต่อมาได้แพร่ขยายสาขามากมายจนมาถึงประเทศอเมริกา นอกจากนี้ยังเปิดตัวแบรนด์หัวน้ำหอมใหม่ที่มีชื่อว่า Samy’s Beach Bar Rum เพื่อเป็นอีกช่องทางทำเงิน

Neil Young
ศิลปินแนวโฟล์กร็อกจากแคนาดา สร้างชื่อมาตั้งแต่ยุคแผ่นเสียง ผ่านเสียงร้องอันมีเสน่ห์และสไตล์ที่แตกต่าง เนื้อหาเพลงที่กินใจ และภาคดนตรีฟังเพลินลื่นหูที่ล้วนกลั้นกรองมาจากมันสมองของเขา ที่คุ้นหูที่สุดน่าจะเป็นเพลงสุดโรแมนติอย่าง Harvest Moon ที่ซาบซึ้งจับใจคอเพลงยุค 70’s ยิ่งนัก
ด้วยความที่หลงใหลในเสียงที่สดเป็นธรรมชาติที่ได้จากการฟังเพลงผ่านแผ่นเสียง Neil จึงออกแบบและผลิตเครื่องเล่นเพลงแบบดิจิตอลที่มีชื่อว่า PonoPlayer รองรับไฟล์เสียงคุณภาพสูง แปลงไฟล์ดิจิตอลเป็นอนาล็อก ให้คุณภาพเสียงระดับเดียวกับ Studio เสมือนทีได้รับจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง และแน่นอน มันได้รับความสนใจอย่างมากในหมู่นักฟังเพลงที่ต้องการประสบการณ์การรับฟังที่เหนือระดับ

Matt Stinchcomb @French Kicks
อดีตมือกีตาร์แห่งวงอินดี้ร็อกจากนิวยอร์ก French Kicks ที่มีผลงานมาตั้งแต่ปี 1998 แม้จะไม่ได้โด่งดังมากมายในวงกว้าง แต่ในสังคมอินดี้ชื่อเสียงของพวกเขาก็ถือว่าไม่ธรรมดา แถมลีลาการเล่นของ Matt ยังเป็นอีกหนึ่งจุดขายด้วย
หลายเหตุผลทำให้ Matt ลาออกจากวงเมื่อปี 2005 และเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ จากคำเชิญชวนของรูมเมทของเขา เปิดเป็นบริษัทโปรดักชั่นเกี่ยวกับงานโฆษณาในชื่อว่า Etsy โดยเริ่มทำงานในตำแหน่งนักการตลาด จากนั้นก็เรียนรู้มากขึ้นจนมาควบคุมงาน Screen Printing ดูแลการติดต่อกับสื่อ และทำหน้าที่เป็น Art Director ณ ปัจจุบัน เป็นใหญ่เป็นโตในตำแหน่ง ‘รองประธานบริษัท’
ข้อมูลบางส่วนจาก inc.com

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE