ช่วงบ่ายวันที่สายฝนพรำ Mars Online มีนัดกับ ‘กิ๊ฟ-พิทักษ์พร อินทร์ใจดี’ ณ บาร์กาแฟแห่งหนึ่งย่านอารีย์ สาวสวยผมยาว ท่าทางมั่นใจ เดินเข้ามาทักทาย รอยยิ้มของเธอมาก่อนเสียง กลายเป็นหญิงสาวขี้เล่นและเป็นกันเองจนทำให้เราเกือบลืมภาพเซ็กซี่ของเธอ ก่อนหน้านี้กิ๊ฟถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์ในฐานะไอดอลสายรักสุขภาพกับเซ็ตภาพที่เผยหุ่นสวยจากการออกกำลังกาย ทำให้มีผู้ติดตามไลฟ์สไตล์ผ่านโซเชียลมีเดียจำนวนหลายหมื่นคน
แต่ที่มากกว่าความเซ็กซี่ก็คือความสามารถซึ่งกิ๊ฟได้พิสูจน์ตัวเองผ่านงานหลายบทบาท เธอเคยผ่านเวทีประกวดนางงามคว้าตำแหน่งรองมิสอินเตอร์เนชั่นแนลไทยแลนด์ 2015 มาครองได้สำเร็จตามมาด้วยการทำงานเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนาม ผู้ประกาศข่าวและพิธีกร ส่วนงานอดิเรกล่าสุดที่ทำให้หลายคนรู้จักผู้หญิงคนนี้ก็คือ ‘การวิ่งเทรล’
“อกหักค่ะ ก็เลยออกไปวิ่ง” กิ๊ฟพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสื่อเป็นนัยว่าเธอได้ก้าวผ่านเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาแล้วชวนให้เรายิ่งสนใจมุมมองและตัวตนของผู้หญิงคนนี้ เพราะเบื้องหลังของการเป็นสตรองวูแมนเธอก็คือหญิงสาวธรรมดาที่เจ็บได้ ร้องไห้เป็น ทว่าตอนนี้เธอได้ค้นพบคนใหม่ในตัวเองที่แข็งแรงขึ้นทั้งร่างกายและหัวใจ
จุดเริ่มต้นของการหันมาวิ่งอย่างจริงจัง
เมื่อก่อนกิ๊ฟออกกำลังกายอยู่แล้วค่ะเข้าฟิตเนสมาประมาณ 5 ปีแล้ว ตอนนั้นประกวดนางงามด้วย เลยต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราหันมาออกกำลังกายตั้งแต่ตอนนั้นแต่ที่มาวิ่งอย่างจริงจังก็เพราะ ‘อกหัก’ (ยิ้ม) หลังจากอกหักรู้สึกว่าตัวเองมีเวลาว่างเยอะขึ้นพอดีมีเพื่อนที่วิ่งอยู่แล้ว เขาชวนไปวิ่งด้วยกัน แต่ถ้าจะออกไปวิ่งกับเขาเราต้องซ้อมก่อน เริ่มไปวิ่งที่สวนสาธารณะแถวบ้านจริงๆ การวิ่งเป็นอะไรที่กิ๊ฟเคยไม่ชอบมากๆ (หัวเราะ) ตอนมีแฟนไม่คิดว่าจะมาวิ่งหรอก แต่พอเลิกกับแฟน เรารู้สึกอยากทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนพอได้ลองทำ รู้สึกว่ามันไม่ได้แย่นะ มันทำให้เราได้เป็นคนใหม่ค่ะ
คิดอย่างไรกับคำกล่าวที่ว่า“อกหัก…ต้องออกไปวิ่ง”
อืม…ไม่รู้สิไม่แน่เสมอไปนะ แต่กิ๊ฟพบว่าส่วนใหญ่คนที่มาวิ่งก็คือคนอกหักเหมือนกันนะ ได้ค้นพบชีวิตใหม่พอได้มาวิ่งเหมือนเราได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง จากที่ไม่เคยวิ่ง แต่พอไปวิ่ง เฮ้ย! เราก็วิ่งได้นะ พอวิ่งไปเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกว่าเราอยากจะวิ่งออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวัน เลยทำให้กลายเป็นคนใหม่ที่ทั้งมีสุขภาพดีและมีหุ่นที่ดีขึ้นด้วย
“อกหักก็อาจไม่ได้แย่ขนาดนั้นแค่รู้สึกว่าเราได้กลับไปเป็นตัวเองเหมือนตอนที่เราไม่มีใคร”
จากวันนี้เมื่อมองย้อนกลับไปตอนที่อกหักใหม่ๆ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเองไหม
น่าจะเป็นมุมมองมากกว่าค่ะตอนมีแฟนเรามีกิจกรรมที่ทำร่วมกับแฟน พอเลิกกันส่วนนั้นมันก็หายไป ด้วยความเคยชิน ทำให้เรารู้สึกอยู่แล้วว่าอะไรบางอย่างขาดหายไปเราจะรู้สึกคิดถึงหรือโหยหาสิ่งเหล่านั้น แต่การที่ออกมาวิ่ง เหมือนกับการหาอะไรให้ตัวเองทำพอทำแล้วรู้สึกว่ามันดีนะ เรามีความสุขกับมันนนอกจากได้สุขภาพดีแล้ว เรายังได้เพื่อนได้แนวคิดจากการวิ่งเพราะอยู่กับตัวเองมากขึ้น ทำให้ได้คิดทบทวนอะไรหลายอย่างคิดแก้ปัญหา ฉันมาอยู่ตรงนี้ทำไม ทำให้เรามองเห็นเป้าหมายต่อไปว่าต้องทำอะไรอีก
แต่ถ้าให้มองย้อนกลับไปอีกครั้งจริงๆ อกหักก็อาจไม่ได้แย่ขนาดนั้น แค่รู้สึกว่าเราได้กลับไปเป็นตัวเองเหมือนตอนที่เราไม่มีใครแต่ตอนอกหักอาจรู้สึกไม่ชิน ทั้งที่เมื่อก่อนเราไม่มีแฟน เราก็อยู่ได้นี่เราก็มีความสุขดีกับไลฟ์สไตล์ที่ได้ทำ พอคิดได้แบบนั้นทำให้กิ๊ฟรู้สึกมีคุณค่ามีเป้าหมายในตัวเอง โฟกัสในสิ่งที่เราอยากทำมากกว่าที่จะไปโฟกัสกับเรื่องความรัก ซึ่งในอนาคตอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ เราแค่ไม่ได้คาดหวังอนาคตเพราะเราคาดหวังในสิ่งที่กำลังลงมือทำอยู่ในตอนนี้มากกว่านี่อาจจะเป็นข้อคิดที่กิ๊ฟได้มาจากการอกหักมั้งคะ
ในฐานะคนที่ผ่านการอกหักมาก่อน อยากบอกอะไรถึงคนที่ยังมูฟออนเป็นวงกลม
จริงๆ กิ๊ฟว่ามันอยู่ที่เรา ถ้าถามกิ๊ฟ วันที่กิ๊ฟอกหักคือเป็นเยอะเหมือนกันนะเพราะว่าคบกับแฟนมานาน มันก็เจ็บแหละ แต่เราต้องเดินต่อไปในเมื่อเราไปด้วยกันไม่ได้ เราต้องก้าวต่อไป เราต้องพยายาม อย่างกิ๊ฟจะเป็นคนที่ไม่มองในแง่ลบคือเราพยายามแล้ว พอเราเลิกกัน เราทบทวนดูว่าเราไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ เหมือนทำให้กิ๊ฟหันกลับมามองตัวเองด้วยว่าครั้งต่อไปจะทำอย่างไรให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งกิ๊ฟอยากออกกำลังกาย อยากวิ่ง อยากทำตัวเองให้ดีขึ้น ตอนนี้เลยมีเป้าหมายในการวิ่งให้ไกลขึ้นเรารู้สึกว่าเรารักตัวเองมากขึ้นด้วย วันหนึ่งถ้าเราจะมีใครเข้ามา เราต้องสามารถที่จะดูแลเขาได้เท่ากับที่เราดูแลตัวเองค่ะ
ถ้าอย่างนั้นสำหรับคนที่อยากอาสาเข้ามาดูแล จะเจอกิ๊ฟได้ที่ไหนบ้าง
เจอกิ๊ฟได้ในป่าค่ะ (หัวเราะ) อยู่ในป่า จะไม่ค่อยเจอทางเรียบ เพราะปีนี้ลงวิ่งเทรลยาวถึงปีหน้าเลยค่ะ
อะไรคือการ ‘วิ่งเทรล’ และสิ่งที่ยากที่สุดของการวิ่ง
วิ่งเทรล (Trail Running) คือการวิ่งผจญภัยในป่าค่ะ เส้นทางจะไม่เรียบเหมือนวิ่งบนถนนมีความชันเมื่อต้องผ่านป่า ภูเขา เนินเขา ทุ่งหญ้า เป็นการวิ่งที่ต้องใช้กล้ามเนื้อมาก ซึ่งการวิ่งเทรลมีเครียดเท่ากับมาราธอนนั่นแหละ แต่กิ๊ฟไม่วิ่งลงถนนเพราะเจ็บเท้าพอได้ไปวิ่งในป่าด้วยความที่ดินมันนุ่มกว่าทำให้รู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับเส้นทางนี้มากกว่า
กิ๊ฟคิดว่าสิ่งที่ยากที่สุดของการวิ่งก็คือ ‘การเริ่ม’ ค่ะ สำหรับคนที่อยากออกมาวิ่งเพื่อลดน้ำหนักหรือเพื่อเป้าหมายอะไรสักอย่างต้องเริ่มต้นที่ ‘การลงมือทำ’ อาจจะออกมาวิ่งไม่ต้องไกลมากสัก 500 เมตร ถึง 1 กิโลเมตรก่อน มันก็คือการวิ่งแล้วแค่เราเริ่มก็เป็นสัญญาณที่ดีแล้ว ยิ่งทำไปทุกวัน มันดีขึ้นๆ ทำให้เรารู้สึกไม่อยากหยุด อยากพัฒนา อยากจะดีกว่านี้ ให้ออกมาเลยค่ะ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะไม่ต้องคิดว่าฉันต้องทำให้ได้เป้าหมายแค่ไหน แค่ลุกออกมานี่ดีสุดๆ แล้ว ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง
คนที่อยากจะวิ่งเทรล ควรเตรียมตัวเบื้องต้นอย่างไร
หลังจากเราเลือกสนามที่อยากจะวิ่งแล้วก็ลงสมัครค่ะ ซึ่งเราต้องรู้ก่อนว่าจะไปวิ่งระยะไหน หลังจากนั้นต้องมีการฝึกซ้อมการซ้อมของกิ๊ฟจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ‘ระหว่างซ้อมวิ่ง’ กับ ‘ซ้อมเวทเทรนนิ่ง’ (Weight Training) เพื่อฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรงพอ เวลาที่จะไปวิ่งขึ้น-ลงเขา เพราะเราต้องใช้กล้ามเนื้อ ไม่อย่างนั้นจะทำให้บาดเจ็บได้หลังทราบเส้นทางแล้ว เรามาวางแผนว่าจะซ้อมแบบไหน อาจซ้อมควบคู่กันไปทั้ง 2 แบบ อาจมีการเตรียมอุปกรณ์เทรล ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่ามีอะไรบ้าง เช่น เป้น้ำ ถุงใส่น้ำดื่ม ส่วนอาหารเราต้องวางแผนว่าจะกินอะไรบ้างในระยะไหนอาจจะมีไม้โพล์สำหรับเทรกกิ้ง เพราะเส้นทางอาจจะลาดชัน เราต้องใช้เป็นเครื่องทุ่นแรงเพื่อให้ไปถึงเส้นชัยได้สบายๆ อุปกรณ์เสื้อผ้าก็แล้วแต่เราเลยค่ะ ว่าอยากจะแต่งแบบไหน อากาศร้อนแค่ไหนต้องมีหมวกหรือเสื้อผ้าที่บางไหม ซึ่งอันนี้ต้องหาความรู้เพิ่มเติมบวกกับประเมินเองด้วยเมื่อรู้แล้วว่าต้องใช้อะไรบ้าง พอไปถึงสนามก็ไม่ต้องเตรียมอะไรแล้วถ้าเราซ้อมมาดี อุปกรณ์พร้อม ก็แน่นอนว่าต้องวิ่งสนุกแน่นอนค่ะ
ประสบการณ์การวิ่งเทรลครั้งที่ประทับใจที่สุด
ตอนไปวิ่งที่ จ.เชียงใหม่ เป็นการวิ่งเทรลที่แม่กำปองระยะทาง 30 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นเทรลที่ไกลที่สุดของกิ๊ฟในตอนนี้ ตอนนั้นแค่อยากจะไปลองวิ่งดูที่ลงสมัคร 30 กิโลเมตร ไม่ใช่เพราะคิดว่าตัวเองเก่ง แต่ระยะทาง 20 กิโลเมตรไม่มีค่ะ (หัวเราะ) เลยจำใจต้องลง 30 กิโลเมตรแทน ตอนแรกคิดว่าคงจบได้ง่ายๆ แต่พอไปเจอสนามจริงๆ ขอบอกว่าแม่กำปองเป็นหมู่บ้านที่น่ารักมากแต่เป็นเทรลที่โหดมากเช่นกัน
ระยะทางประมาณ 30-32 กิโลเมตรที่กิ๊ฟอยู่ในป่า กิ๊ฟใช้เวลา 9 ชั่วโมงถึงเกือบ 10 ชั่วโมงเลยค่ะ เหนื่อยมากแต่ก็ประทับใจสุดๆ เพราะเราเป็นเด็กใหม่เพิ่งเข้ามาในวงการเทรลพอได้ลองได้สัมผัส รู้สึกว่าเราชอบ แต่ในความชอบของเรา ก็มีความโหดร้ายของเส้นทางนั้นอยู่กิ๊ฟพยายามวิ่งจนสุดท้ายจบเทรลนั้นมาได้ ซึ่งแต่ละช่วงแต่ละตอนแฝงไปด้วยความยากลำบากหลังเราทำสำเร็จแล้ว รู้สึกว่าได้กลายเป็นคนใหม่ คิดแต่ว่าอยากจะทำครั้งต่อไปให้ดีกว่าเดิมสนามต่อไปอยากจะเตรียมพร้อมให้มากกว่านี้ สนุกให้มากกว่านี้
นอกจากการวิ่งแล้ว มีวิธีดูแลรูปร่างด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติมไหม
เข้าฟิตเนสแล้วก็ควบคุมอาหารค่ะเริ่มแรกไม่ได้รู้อะไรทั้งหมดหรอก แต่พอมาวิ่งแล้วจะรู้ว่าการจะวิ่งได้ดีนั้นเราต้องเข้าฟิตเนสและเวทควบคู่ไปด้วยเพราะกล้ามเนื้อเราจะได้แข็งแรง จะทำให้วิ่งได้ดีขึ้น วิ่งได้ไกลขึ้น พอเริ่มทำเรื่อยๆ รู้สึกว่ามันดีขึ้นจริงๆ ยิ่งถ้าเราเลือกรับประทานอาหารหรือใส่ในเรื่องอาหารมากขึ้น
จะทำให้โดยรวมดีขึ้นค่ะ กิ๊ฟเลยรวม 3 อย่างไว้ด้วยกันเลย
“ผู้หญิงเราไม่ว่าจะมีรูปร่างและหน้าตาแบบไหนถ้าคุณมีความมั่นใจในตัวเองและเชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำทุกคนสวยหมดแหละ”
ทำไมถึงตัดสินใจโพสต์ภาพเซ็กซี่ลงโซเชียลมีเดีย ช่วงแรกๆ กลัวคำวิจารณ์หรือเปล่า
รูปเซ็กซี่กิ๊ฟถ่ายมาตั้งแต่ตอนประกวดนางงามค่ะเพราะช่วงประกวดมันต้องใส่ชุดว่ายน้ำหรือชุดบิกินี่อยู่แล้ว เรียกว่าต้องใส่บ่อยมากเลยทำให้เรารู้สึกเราชินมากกว่า ยิ่งกิ๊ฟเป็นสายออกกำลังกายเราดูแลรูปร่างอยู่แล้ว พอเริ่มรู้สึกว่าหุ่นเราดี มีซิกแพ็ก เราอยากที่จะใส่มากขึ้นเป็นความภูมิใจที่ได้มาจากการออกกำลังกาย กิ๊ฟรู้สึกว่าชุดออกกำลังกายและชุดว่ายน้ำมันไม่ได้โป๊นะเพราะจริงๆ มันมีมุมภาพ มุมกล้องที่ช่วยทำให้ดูซอฟต์ลงได้ กิ๊ฟมองว่าทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้วการที่ผู้หญิงโพสต์รูปเซ็กซี่ลงโซเชียล ไม่ใช่แค่กิ๊ฟ มีสาวๆ ที่หุ่นสวยทำกันเยอะ แต่สำหรับกิ๊ฟเองก็มีลิมิตเหมือนกัน การแต่งกายไม่ได้บอกนิสัย พอทำงานเราก็แต่งตัวอีกแบบหนึ่งเลยไม่อยากให้ตัดสินกันที่ภาพเซ็กซี่เสมอไป กิ๊ฟมองว่าผู้หญิงเราไม่ว่าจะมีรูปร่างและหน้าตาแบบไหน ถ้าคุณมีความมั่นใจในตัวเองและเชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ ทุกคนสวยหมดแหละ
ตัวตนจริงๆ ของกิ๊ฟเป็นอย่างไร
ที่คนเห็นภาพเราเซ็กซี่บนสื่อโซเชียล แต่จริงๆ แล้วกิ๊ฟถ่ายเสร็จก็ไปเปลี่ยนเลย ไม่เคยใส่ออกไปเดินเล่นที่ไหนเลยเพราะแอบเขิน (หัวเราะ) ปกติกิ๊ฟไม่เซ็กซี่นะ ออกจะมิดชิดเพราะไม่ชอบให้ใครมอง อย่างเวลาไปวิ่งคนเดียวพอมีคนมองก็จะเขินกิ๊ฟไม่ใช่คนที่เซ็กซี่ มันน่าจะเป็นลุคมากกว่า ตัวตนจริงๆ กิ๊ฟเป็นคนลุยๆ ค่ะ เหมือนถ้าอยากไปวิ่งตอนนี้ก็ไม่ห่วงแล้วว่าจะสวยหรือไม่สวยถ้าต้องลงสนามวิ่งต้องเหมือนกัน
พอเริ่มมีคนมาติดตามไลฟ์สไตล์ผ่านโซเชียลเยอะขึ้นรู้สึกอย่างไรบ้าง
เอาจริงกิ๊ฟรู้สึกเขินนะจากเดิมที่การออกกำลังกายเป็นความชอบของเรามาก่อน พอได้หุ่นที่สวยปุ๊บเราก็อยากถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้ดูว่าครั้งหนึ่งเราเคยพยายามทำได้หุ่นแบบนี้นะหลังจากโพสต์เริ่มมีคนเข้ามาดูเยอะขึ้น ทั้งที่ความจริงกิ๊ฟรู้สึกว่าเราไม่ได้เซ็กซี่ขนาดนั้น
มีหนุ่มๆ ทักเข้ามาชวนคุยเยอะไหม
ก็มีค่ะทักมาถามว่าวิ่งที่ไหนบ้าง (ยิ้ม) ซึ่งก็มีผู้หญิงด้วยนะที่ทักเข้ามาขอคำแนะนำเรื่องการออกกำลังกาย
แต่กิ๊ฟไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ กิ๊ฟลองผิดลองถูกมาก่อน ใช้การดูเอง ศึกษาเอง แล้วก็นำมาปรับใช้กับตัวเองอาศัยการศึกษาจากพี่ที่เป็นนักวิ่งเก่งๆ ว่าเขาทำอย่างไร ปรับให้เหมาะสมกับเรา
ผู้ชายแบบไหนที่เห็นแล้วทำให้รู้สึก ‘แพ้ทาง’
ถ้าถามจริงๆ ตอนนี้ดูที่นิสัยมากกว่า ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องเป็นผู้ชายแบบไหน เห็นแล้วแพ้เหรอ? ก็มีนะคนที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น แต่พอคุยๆ กันไปรู้สึกว่ามันยังเข้ากันไม่ได้ก็มี เลยไม่ได้ซีเรียส กิ๊ฟยังอยู่ได้ด้วยตัวเอง
เข็มแข็งมากค่ะทุกวันนี้ ถ้าผู้ชายที่จะเข้ามาคงต้องถึกกว่ากิ๊ฟนะคะ (หัวเราะ)
คิดว่า ‘ความมั่นใจ’ กับ ‘ความสวย’ คือสิ่งเดียวกันไหมผู้หญิงจะก้าวไปสู่ความรู้สึกนั้นได้อย่างไร
กิ๊ฟคิดว่าผู้หญิงทุกคนมีความสวยอยู่ในตัวอยู่แล้วไม่ว่าเขาจะสวยแบบไหน บางคนอาจมีความสวยนะ แต่ความสวยเขาไม่ได้อยู่ในรูปแบบของหน้าตาก็ได้บางคนอาจผมสวย คนนี้ผมสวยจังเลย แต่หุ่นก็ไม่ได้สวย
คนนี้หุ่นสวย แต่ผมไม่ได้สวย บางคนตาสวย ยิ้มสวย นิยามของความสวยมันแตกต่างและหลากหลายมากค่ะ ขึ้นอยู่กับมุมมอง อาจไม่ได้สวยครบจบในคนเดียว ทำให้กิ๊ฟมองว่าผู้หญิงที่สวยจริงๆ อ่ะคือ ‘ผู้หญิงที่ทำอะไรด้วยความมั่นใจ’ ทำให้เขาเปล่งประกายนะ
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้กิ๊ฟตัดสินใจไปประกวดนางงามในตอนนั้นก็คือต้องการออกจาก Safe Zone ของตัวเองเพราะอยากเป็นคนที่มีความมั่นใจและเห็นคุณค่าในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ถึงจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เราก็ภูมิใจการประกวดนางงามก็คือการเนรมิตให้ผู้หญิงดูสวยงาม มีทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งมันคือเปลือกนอก สิ่งที่กิ๊ฟทำเพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองสวยก็คือการเผชิญหน้ากับเรื่องท้าทายบนเวทีประกวด ซึ่งก็คือการดึงความมั่นใจในตัวเองออกมา
หากพูดถึงผู้หญิงที่ชื่อ ‘กิ๊ฟ พิทักษ์พร’ จะนิยามตัวเองว่าอย่างไร
จะให้พูดยังไงล่ะไม่รู้สิคะ อาจจะเป็นสวย สตรองและก็ถึกมั้ง (หัวเราะ) แต่จริงๆ กิ๊ฟไม่ได้โฟกัสเรื่องสวย เรื่องเซ็กซี่อะไรเลย กลายเป็นคนไม่ห่วงสวยไปแล้ว แต่เป็นคนที่เต็มที่กับสิ่งที่ทำมากกว่า จนตอนนี้ไม่รู้สึกว่าตัวเองสวยแล้ว แค่อยากทำตัวเองให้ดีขึ้นอยากได้สกอร์ที่ดีขึ้น อยากมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในเรื่องที่เราโฟกัส ซึ่งตอนนี้ก็คือการวิ่งค่ะ