เคล็ดลับความฟิต ฉบับ 'จี๊ด-สุนทร รอยัล สไปรท์ส'

หากพูดถึงชื่อ “จี๊ด-สุนทร สุจริตฉันท์” นักร้องนำแห่งวง Royal Sprites วัยโจ๋สมัยยุค 80s หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้จัก เพราะเขาเป็นเจ้าของบทเพลงดังๆ อย่าง เจงกิสข่าน, น่าอาย, สวยในซอย และอีกหลากหลายบทเพลง เรียกได้ว่าสมัยนั้น ถ้ามีงานที่ไหนไม่มีพวกเขาไปเล่นไม่ได้ เป็นวงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นที่ถือได้ว่าโด่งดังระดับประเทศเลยก็ว่าได้

แม้ว่าในระยะเวลาช่วงหนึ่งที่เขายุติบทบาทการเป็นนักร้องและพาตัวเองออกมาจากวง Royal Sprites เมื่อหลายปีก่อน สิ่งนี้เองทำให้เกิดการเดินทางไปสู่ความฝันในอาชีพอื่นๆ ตามมา ทั้งการเป็นผู้ประกาศข่าว นักจัดรายการวิทยุ นักธุรกิจ หรือแม้แต่นายกเทศมนตรี แต่ทว่ามันกลับมีจุดพลิกผันหรือมีโชคชะตาอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต้องย้อนคืนสู่การจับไมค์โดยการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวงนามว่า “the palace” วงที่รวบรวมศิลปินยุค 80s ให้คัมแบ็กกลับมาพบกันเพื่อสร้างความสุขให้แฟนเพลงรุ่นเก๋าได้หวนรำลึกถึงบรรยากาศเก่าๆ กันอีกครั้ง

ในช่วงบ่ายคล้อยของวันที่อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย พลันที่เราได้พบเจอกับศิลปินรุ่นลายครามผู้นี้ แวบแรกที่นึกขึ้นมาในหัวเลยนั่นก็คือนี่ใช่ศิลปินในยุค 80s จริงๆ หรือ? ทำไมเขายังดูหนุ่มอยู่เลย เขาไปฉีด เสริม เติม แต่งอะไรมาหรือเปล่า จากนั้นไม่นาน เมื่อเริ่มมีบทสนทนาระหว่างกันเกิดขึ้น เราจึงสังเกตได้ว่าศิลปินผู้นี้เป็นบุคคลที่มีจิตใจที่แจ่มใสและมีอารมณ์ที่ดีมาก และเมื่อพูดคุยกันไปได้สักพักใหญ่อยู่ๆ เรื่องราวที่เราได้ครุ่นคิดในตอนแรกนั้นกับถูกลดหลั่นและเลือนหายออกไป ราวกับว่าความคิดเมื่อสักครู่นั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย หรือประมาณว่าเรื่องดังกล่าวได้ถูก deleteออกไปจากสมองแล้วอย่างไรก็อย่างนั้น

ห่างเหิน ใช่ห่างหาย
ลมหายใจ ยังคงมีเสียงเพลง
“ความดังก็เหมือนปลากระป๋อง ย่อมมีวันหมดอายุ” คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวเช่นนี้ อย่างไรก็ดี เมื่อนาทีแห่งความป๊อปพ้นผ่าน สิ่งที่เหลือไว้ในวันวาน ก็คือ ความทรงจำอันหอมหวานที่กาลเวลามิอาจลบเลือน “จี๊ด-สุนทร สุจริตฉันท์” หัวหอกแห่งวงรอยัลสไปรท์ส เล่าย้อนความหลังว่า กับวันเวลากว่าสิบปีที่ได้ผลิตงานเพลงมากกว่า 20 ชุด จุดหมายในชีวิตเขาก็เริ่มหักเหทิศทาง อย่างที่คนทำงานหลายคนอาจจะรู้สึกว่า “อิ่มตัว” ที่ผ่านมาอดีตหัวหน้าด้านการขับร้องของรอยัลสไปรท์ส ไปลุยมาแล้วทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งการเมือง

“หลังจากออกจากวง ผมก็ไม่ได้ร้องเพลงอีกเลย เพราะงานเยอะด้วย การร้องเพลงต้องใช้สมาธิ พอเลิกร้องเพลง ก็รู้สึกได้ว่าชีวิตเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ชีวิตตอนนั้นรู้สึกว่าฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง ดูสนุกสนานดี ทำให้ลืมเรื่องร้องเพลงไปเลย ผมก็มาคิดอีกว่าผมอยากทำอะไรอีก คือชีวิตก็เป็นมาแล้วหลายอย่าง เป็นนักธุรกิจก็ได้เป็นแล้ว อยากทำรายการโทรทัศน์ก็ได้ทำแล้ว เป็นพิธีกรก็ทำแล้ว รายงานข่าวสารคดี ได้ทำอะไรหลายอย่าง รู้สึกว่าชีวิตดูมีคุณค่ากว่าตอนร้องเพลง มันดูโตขึ้น จากนั้นผมก็ถูกเกี้ยวไปลงเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนนทบุรี ได้ไปรับใช้ในส่วนของสมาชิกสภาเทศบาลนนทบุรี และก็กลายมาเป็นประธานสภา กลายเป็นรองนายกเทศมนตรี พอทำสิ่งเหล่านี้ ผมเลยคิดว่าผมพอแล้ว ผมรู้สึกว่าผมมีเวลาให้ลูกน้อยลง ผมควรจะถอยกลับมา และพอแล้วกับงานนี้ ซ่ามามากแล้ว” (หัวเราะ)

อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้สึกว่าความซ่าในด้านอื่น จะค่อยๆ เจือจางไปตามกาลเวลา แต่ทว่าในด้านของการร้องเพลง ศิลปินรุ่นใหญ่บอกว่าเขายังคงซ่าได้เรื่อยๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนวัยดึกจะต้องมากล่าวโม้ เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการคัมแบ็กกลับมารวมตัวกันของรอยัล สไปรท์ส กับคอนเสิร์ตเมื่อไม่กี่ปีก่อน หรือแม้กระทั่งสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ กับคอนเสิร์ต The Palace ซึ่งเป็นการรวบรวมเอาศิลปินจากหลากหลายวงซึ่งเคยโด่งดังเมื่อยุค 80 มาเขย่ารวมกัน ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าลมหายใจของผู้ชายคนนี้ ไม่มีวันสิ้นเสียงเพลง

“บัตร 7,000 ที่นั่ง หายวับไปกับตา ตอนแรกทุกคนก็ดูเฉยๆ นะครับ ประมาณว่า The Palace คือใคร แต่พอมารู้ว่า The Palace คือการรวมเอาศิลปิน 8 คน ที่เป็นสุดยอดในยุค 80 มารวมไว้เป็นวงเดียว มันเลยกลายเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง แต่เราไม่รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่นะครับ แต่มันเป็นสิ่งที่ย้อนเวลากลับไปหาความสุขที่ทรงอานุภาพที่สุดของยุคนั้น ฟังแล้วมันแบบเคลิบเคลิ้ม นี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้น คุณว่ามันแปลกไหม” นักร้องรุ่นใหญ่ ท่าทีเชิงเอ่ยเชิงคำถาม ขณะแซมรอยยิ้มเปี่ยมสุขเต็มใบหน้า

วันวานยัง ‘หวาน’
วันนี้ยัง ‘ไหว’

อย่างที่หลายคนคงทราบดีว่าศักยภาพในด้านเสียงเพลงนั้น ไม่มีอันใดให้ต้องสงสัยในตัวของศิลปินระดับบิ๊กเนมคนนี้ อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่า กลับกลายเป็นเรื่องบุคลิกหน้าตาที่หลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “จี๊ด-สุนทร” ยังคงดูแข็งแรง ทะมัดทะแมงราวกับคนหนุ่ม ไม่ต้องพูดถึงหน้าตาที่ว่ากันอย่างไม่ชื่นชมอะไรมาก แต่มัน “อ่อนมาก” จนไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือใบหน้าของผู้ชายวัยเลข6

“ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมต้องการคือการอยากมีสุขภาพที่ดี ตอนนั้นผมอายุ 55 ปี น้ำหนัก 75 กิโลกรัม โอ้วว!! ผมคิดว่ามันน่าจะพัฒนาตัวเอง ก็เลยไปหาวิชาที่ต้องเรียนรู้คือวิชา Anti-Aging หรือการที่จะดูแลสุขภาพให้ดี ผมก็ไปเรียนแบบจริงจังเลย พอเรียนเสร็จก็อ๋อ (ลากเสียงยาว) เราไม่รู้ คนไม่รู้เยอะนะผมว่าบางคนไม่รู้ตัวเองว่าไม่รู้อะไรด้วยซ้ำไป พอไม่รู้มันก็ลงเหว บางคนก็จะเสียชีวิตหรือป่วยเจ็บกับโรคเช่น โรคเบาหวาน ต่อเนื่องไปถึงเรื่องเส้นเลือดในสมองและหัวใจ และก็ลงท้ายด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งสามเรื่องนี้คนส่วนใหญ่มักจะเจอในอายุ 55-65 ปี แต่เราได้ไปเรียนรู้เสียก่อน รู้เสร็จเราก็โอ๊ะมันเป็นแบบนี้เลยหรอ (เสียงสูง) เราต้องลดทั้งหมดที่เราไม่รู้ ที่เราทำผิดๆ ลงมา เลยกลายมาน้ำหนักเหลือ 64 กิโลกรัม เอว 33 ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา”

รู้ว่าดีต้องทำ
กระนั้นก็ดีกว่าจะเป็นเช่นนี้ศิลปินลายครามก็ยอมรับว่าเขาก็เหมือนกับคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ตระหนักว่าการมีสุขภาพที่ดี ป็นสิ่งที่ดี แต่น้อยคนนักที่จะปฏิบัติตนเพื่อสิ่งที่ดีนี้อย่างจริงจังและสม่ำเสมอ ซึ่งเขาเองก็เป็นเช่นนั้น เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยใส่ใจในเรื่องของสุขภาพเลย จนวันหนึ่งความเจ็บป่วยได้ก้าวผ่านเข้ามาจึงทำให้เขาอยากเริ่มต้นวาดภาพตัวเองให้หล่อเหลาเหมือนเมื่อครั้งวันวานอีกครั้ง

“โดยส่วนตัวผมชอบว่ายน้ำ วิ่งขึ้นบันได ออกกำลังที่คนส่วนใหญ่คาดไม่ถึง แต่ผมจะไม่เข้าฟิตเนส เพราะอากาศในฟิตเนส ค่อนข้างอับ จะว่าไปแล้วฟิตเนสมีข้อดีตรงที่มีเครื่องมือที่ทันสมัยแต่อากาศนี่สิเก่ามากเลย ซึ่งผมบังเอิญโชคดีที่ผมเคยแพ้อากาศมาก่อน เวลาเข้าไปที่ไหนตึกไหนที่มีแอร์ หรืออากาศในตึกที่อับๆ และเป็นพิษกับผม ผมจะถอยหลังเลย ผมจะหลบไปอยู่ในที่ๆมีอากาศดีและจะไปสรรหาพวกอุปกรณ์ทั้งหลายที่มันสามารถช่วยผมได้ ตอนแรกเลยที่ยังไม่สนใจสุขภาพ ไปทำท่าเหมือนจะว่ายน้ำ ไปวิ่งๆ บนขอบสระ วอร์มอัพ ปรากฏว่าตระคริวกิน แสดงว่าไม่ค่อยดีแล้ว และผมก็มาค้นพบว่าจะใช้วิธีที่ทำอย่างไรให้มีสุขภาพที่ดีแบบสูงสุด เพราะแต่ละคนอาจเดินก้าวไปสู่ความเจ็บป่วยลงไป เซลล์เสื่อม เชื้อโรค พอไปตรวจบางทีค้นไม่พบ ก็ได้แต่รักษาไปตามอาการ เปรียบเทียบกับก้อนอิฐที่ริมแม่น้ำ น้ำมาจะเป็นอย่างไร น้ำก็เข้าสิครับ ก็เปรียบเหมือนกับสุขภาพที่ไม่มีแรงต้านทานเลย ฝนมาหน่อย ตั้งเค้าหน่อย นิดหน่อยก็จามแล้ว แต่ผมจะใส่อิฐไป 5 ก้อนแล้วโบกปูนทับเลย คือน้ำกระเฉาะมา ผมก็จะไม่เป็นอะไร มันทำให้เราวาดภาพตัวเองได้อีกครั้งหนึ่ง ก็เลยกลายมาเป็นผมในวันนี้”

เกินก็ตัด ขาดก็เติม

“เกินก็ตัด ขาดก็เติม” เคล็ดลับง่ายๆ ที่นักร้องแก่แต่เก๋าท่านนี้เลือกปฏิบัติ “ทุกวันนี้สิ่งที่คนไม่รู้ก็คือคิดว่าอาหารเสริมคืออาหารเสริม แต่จากที่ผมได้ไปเรียนอย่างที่บอกไปข้างต้น ทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่เราเกินนั้นมีอยู่จริง อย่างเช่น แป้ง หลังจากที่กินแป้งเข้าไปแป้งก็จะกลายไปเป็นน้ำตาล น้ำตาลก็กลายไปเป็นไขมัน มันคือเรื่องจริงที่มันเกินอยู่ตลอด ผมจะรู้ในส่วนนี้ดีว่าทำอย่างไรให้น้ำตาลไม่เข้า และผมก็จะรู้อีกด้วยว่าเราต้องเติมโปรตีนเท่าไหร่ แคลเซียมเท่าไหร่ แมกนีเซียมเท่าไหร่ หรือถ้าจะให้ดูดซึมได้ดีต้องมีวิตามินดีช่วย อะไรทำนองนี้

“สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ผมรู้ว่าจะเกิดอะไร เพราะฉะนั้นอะไรที่เกินเราตัดได้หมดแล้วอะไรที่ขาดเราก็สามารถเติมได้หมดเช่นกัน ผมจะทานอาหารเสริมเป็นพฤษเคมี สิ่งที่ผมเลือกต้องมีเอกสารทางการแพทย์ มีการยอมรับ ผมมักจะถามก่อนซื้อว่ามี GAP ที่ย่อมาจาก Good Agricultural Practices หรือได้การรับรองจากฟาร์มออร์แกนิกของโลกไหม นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้หลายคนสงสัยว่าผมไปทำอะไรมา เรียนตามตรงเลยครับว่าผมทำแบบนี้มาหลายปีจึงมีผลออกมาเช่นนี้ เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะเลือกเติมหรือตัดอะไรสิ่งเหล่านั้นต้องดีพอ”

หากใครที่อยากมีสุขภาพดีแบบศิลปินยุค 80 ท่านนี้ ซึ่งเขานั้นบอกผ่านกับทางเราไว้เลยว่าแม้ไม่ใช่หมอแต่เขาก็พร้อมเสมอที่จะนำความรู้ดีๆ เหล่านี้ไปเผยแพร่และแบ่งปันให้กับผู้อื่น

“ผมจะเอาสิ่งที่ผมรู้ไปแบ่งปันผู้คน ญาติ เพื่อนฝูง คนรู้จัก สิ่งที่เรามีความรู้แล้วนำไปเผยแพร่ต่อทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น สิ่งนี้มันเลยกลายเป็นคุณค่าทางจิตใจ มันเป็นความสุขครับ เอาเป็นว่าผมพอที่จะแนะนำอะไรให้ได้เจอผมที่ไหนทักถามผมได้ตลอด หรือจะเข้าไปที่ www.facebook.com/suntorn sujaritchant สามารถmessageเข้ามาได้เลยครับหรือจะเป็นทางอีเมลล์ jeedsprites@gmail.com และ jeedsprites@hotmail.com ก็ได้ ผมบอกก่อนว่าผมไม่ใช่หมอแต่ถ้าผมทำแล้วได้ผลอะไรผมก็ยินดีที่จะแบ่งปันครับ”

สูงสุดอยู่ที่จิตใจ
นอกจากจะเรียนรู้ในวิชา Anti-Aging และพกพาอาหารเสริมเข้ามาช่วยแล้วสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นเคล็ดลับของศิลปินอารมณ์ดีท่านนี้นั่นก็คือการดูแลความคิด

“อย่าไปมองสิ่งที่ไม่ดี” อดีตนักร้องนำแห่งวงรอยัลสไปรท์ส เอ่ยขึ้นทันทีที่เราถามถึงเคล็ดลับของการ “อ่อนกว่าวัย”…

“ความเครียดคือตัวฉกาจเลยที่ทำให้เซลล์เสื่อม คุณต้องต้านมันให้ได้ ต้องฟอแมตทุกเรื่องที่แย่ๆ เวลาอารมณ์ไม่ดีหรือจิตใจเริ่มไม่ดีให้เรานึกไว้ว่าควรเปลี่ยนเรื่องทันที ลบเรื่องแย่ๆ ออกไปภายใน 5 วินาที ถ้าเกิดอะไรขึ้นคุณจะไปประหวั่นพรั่นพรึงกับเรื่องที่คุณไม่สามารถแก้ไขได้อยู่ทำไม ยิ่งถ้าสิ่งที่คุณกังวลอยู่ไม่ได้ทำให้พรุ่งนี้เปลี่ยนแปลงแต่กลับทำให้วันนี้ของคุณหมดลงไปอย่างไร้ความสุข แบบนี้คุณจะกังวลมันอยู่อีกไหม เพราะฉะนั้น อย่าไปมองสิ่งที่ไม่ดี”

เรื่อง : วรัญญา งามขำ

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE