“เพียงไม่กี่นาที เธอก็พลันเปลี่ยนโลกกลมๆ ให้มีความโค้งเว้าเป็นรูปหัวใจ”
นั่นคงเป็นคำนิยามที่ระบุถึง “คลิปวิดีโอ” ของสาวน้อยร้อยชั่งผู้พกพาความน่ารัก และโชว์พิเศษๆ ของเน็ตไอดอลสาวสวยคนนี้ “นัตตี้-นัทธมณ คงจักร์”
แม้เจ้าตัวจะเอ่ยปากถ่อมตนว่า “เพียงแค่เล่นๆ ไม่ได้คิดว่าจะดังหรือมีชื่อเสียงแต่อย่างใด” กระนั้นความสามารถและเสียงใสๆ ที่ผ่องถ่ายให้ได้สัมผัสก็ทำให้ใครๆ ต่างอาสาติดตามเป็นสาวกแฟนคลับอย่างเนืองแน่น
อะไรคือเคล็ดลับเสน่ห์ของสาวผู้นี้? อะไรที่ทำให้เธอเป็นเธอ? เราเชื่อว่าทุกการกระทำย่อมมีความคิดเป็นแรงผลัก
ช่วงสายๆ ของวันสบายๆ เราจึงพาตัวเองเข้าสู่กระบวนการค้นหาเบื้องหลัง “คลิป” ที่มีผู้ติดตามกว่าล้านคน เพื่อทำความรู้จักกับเธอให้แนบสนิทชิดเชื้อยิ่งขึ้น
และหากคุณมีความเชื่อว่า “เวลาทุกวินาทีมีคุณค่า” บอกได้เลยว่า “วินาที” ต่อจากนี้ไป ผู้หญิงหนึ่งคน จะทำให้ “ห้วงนาที” นี้ มีคุณค่าเกินคำบรรยาย…
สวย ใส ธรรมชาติ
ในโลกโซเชียลแคม
“มันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของเด็กอายุ 20 ค่ะ คือไม่น่าเชื่อว่าแอปพลิเคชันเดียวจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้” เธอเกริ่นเริ่มด้วยสีหน้าราบเรียบ ทว่าแววตาส่อแววประกายประหลาดใจอยู่ในที
แน่นอน! เป็นใครก็ต้องรู้สึกเช่นเดียวกัน ในยุคที่โซเชียลเน็ตเวิร์กสามารถปลุกปั้นให้ใครก็ได้จุติเป็น “ซุป'ตาร์” หรือ “ดาวเด่น-เดือนดัง” ชั่วข้ามคืน โดยไม่ต้องลัดเลาะเส้นทางที่คดเคี้ยว
“ไม่คิดว่าจะดังเลยนะคะ แค่เล่นสนุกๆ เพราะเราเห็นคนเขาเล่นกัน ก็เลยโหลดแอปโซเชียลแคมมาเล่นบ้าง (หัวเราะ)
“แรกๆ ที่อัดคลิปวิดีโอ นัตไม่รู้จะพูดอะไรด้วยซ้ำ ก็ลงคลิปเหมือนๆ คนทั่วไป ตอนนั้นก็รู้สึกเหมือนมันไร้สาระ (หัวเราะ) แล้ววันหนึ่ง เราก็เลยคิดว่าร้องเพลงดีกว่าไหม เพราะส่วนตัวเราชอบร้องเพลงอยู่แล้วด้วย ก็เลยร้องเพลง” หญิงสาวหัวเราะร่วนให้กับตัวเองยกใหญ่ ที่อยู่ๆ สิ่งที่ทำก็นำพาให้มีผู้สนใจในตัวเธอ และกลายมาเป็นแฟนานุแฟนที่ติดตามเธออย่างล้นหลามเช่นทุกวันนี้
1 ล้าน คือตัวเลขกลมๆ ของยอดติดตามเพียงระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี และยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ณ ขณะเวลานี้
“คลิปแรกที่ลงไปก็รู้สึกตะลึงเลย 300-400 ไลค์ เราก็คิดว่า เอ๊ะ ทำไมคนไลค์เยอะจัง แถมยอดฟอลโลว์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราก็สงสัยว่าเขามากันจากไหนนะ…เพราะก่อนที่เล่นโซเชียลแคม เฟซบุ๊กเราก็ไม่ได้เล่นแล้ว เราปิดเฟซบุ๊กลง เนื่องจากเป็นช่วงจังหวะที่นัดเข้าประกวด Teen Super Star ก็เริ่มมีแฟนคลับติดตามประมาณ 5 พันคน ทีนี้เราไม่มีเวลา และไม่สามารถตอบคอมเมนต์ได้ครบหมด ก็เลยกลายเป็นว่ามีแฟนคลับบางคนตั้งคำถามขึ้น “ทำไมตอบคนโน้น” “ทำไมไม่ตอบคนนี้” ก็เลยจำใจต้องปิดเฟซบุ๊ก ซึ่งรู้ๆ กันอยู่ว่าไม่มีช่องทางไหนที่จะสามารถแชร์ให้เราเป็นที่รู้จักออกไปได้มากมายเท่าช่องทางนี้ นัตก็เก็บเอาไปคิด คิดไป งงไป
“หลังจากนั้น ด้วยความที่เราสงสัย ก็เลยถามคนโน้นคนนี้บ้าง ว่าทำไมถึงติดตามเรา ทำไมถึงชอบเรา เขาก็บอกว่า ชอบตัวตนของเรา เรามีหลายด้าน อย่างบางคนเขาร้องเพลงก็ร้องอย่างเดียว แต่ของนัดมีร้อง มีเต้น มีทำอะไรเปิ่นๆ (หัวเราะ) คือมันมีหลายมุมหลายมิติ มีสีสันให้เขาดู เขาก็เลยชอบเพราะมันแปลกดี มันเป็นธรรมชาติ”
และด้วยความ “เปิ่น” ที่เธอนิยามถึงการแสดงโชว์ในแต่ละหนึ่งคลิปของเธอ ที่มีทั้งร้อง เล่น เต้น แถมลิปซิง ถูกบรรจุอยู่ในหน้าจอเดียวกัน ดูจะเป็นความแปลกในสายตาใครหลายคน แต่ก็ถือเรียกเอาได้ว่าเป็น “เอกลักษณ์” เฉพาะที่ไม่เหมือนใครมี และไม่มีใครเหมือน ซึ่งแน่นอนว่า สำหรับคนที่เคยผ่านตาคลิปของเธอ สิ่งแรกสุดที่จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติคือรอยยิ้มที่มุมปาก
“ทีนี้ ก่อนลงเลยก็ต้องคิดเยอะ (หัวเราะ) เพราะที่เรามีชื่อเสียงก็เนื่องมาจากแฟนคลับสนับสนุน นัตจึงแคร์แฟนคลับมาก นอกจากจะรีเควสตามที่แฟนคลับเรียกร้องแล้ว การจะทำออกมาสักคลิปหนึ่งทุกอย่างก็ต้องดูให้ดี อันนี้สำคัญมากเพราะตอนนี้มีคนมองเราเป็นตัวไอดอล คำๆ นี้สำคัญกับนัตมาก ดังนั้นเวลานัตจะทำอะไรนัตก็จะคิดเยอะๆ ว่า เราเป็นไอดอลของเขานะ อะไรที่จะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ไม่โอเค เราก็จะไม่ทำ
“ถ้าถามว่าตอนนี้นัตประสบความสำเร็จหรือยัง…นัตคิดว่าถ้าเปรียบเป็นรูปแบบการเจริญเติบโตของ 'มนุษย์' นัตเหมือนเด็กที่เพิ่งหัดคลาน มันคือก้าวนึง ก้าวแรก เหมือนใบเบิกทาง มีงานเข้ามาหลายรูปแบบ ก็อยู่ที่ตัวเราว่าจะเลือกงานแบบไหน เลือกอะไรเข้าหาตัวเรา เลือกสิ่งที่ดี หรือไม่ดี มันก็ส่งผลกระทบต่อตัวเรา มันก็เป็นสเต็ปต่อไปที่ต้องคิด ต้องทำให้ดี”
ฝันให้ไกล
แล้วไปให้ถึง
“ปลายทางความสำเร็จ ไม่สำคัญเท่ากับเรื่องราวระหว่างทาง” หลายคนอาจจะนึกถึงคำนี้ขึ้นมา แต่กว่าจังหวะเมโลดี้จะบรรเลงเพลง “ประสบความสำเร็จ” ก็ใช่ว่าจะง่ายดาย
“ถ้าเทียบกับตอนนี้ เรียกได้ว่าไม่เคยประสบความสำเร็จเลย คือนัตเป็นคนชอบประกวดตั้งแต่เด็ก เพราะนัตฝันไว้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ว่าอยากเป็นนักร้องเหมือนคุณพ่อ คุณแม่ มันเป็นทางที่นัตชอบที่สุดแล้ว และท่านก็สนับสนุนช่วยสอนช่วยแนะนำตลอด ตอนนั้นก็เลยได้เดินสายประกวดตั้งแต่เวทีเล็กๆ จนเวทีใหญ่ๆ อย่างนางนพมาศก็มี รายการเดอะสตาร์ก็เคยไป รายการ Teen Super Star ก็ไป นู่นนี่นั่น นัตประกวดหมด แต่ไม่เป็นที่รู้จักเหมือนตอนนี้” เธอยังคงแซมยิ้มและเสียงหัวเราะ ในทุกช่วงทุกตอนของการสนทนา ราวกับว่าความผิดหวัง ความพ่ายแพ้ ณ วันเวลานั้น ไม่สามารถทำอะไรความมุ่งมั่นที่มีต่อความฝันการเป็นศิลปินนักร้องเธอได้เลย
“เพราะนัตคิดเสมอว่า ความฝันยิ่งไกล มันก็เหมือนทางเดินที่ไกลแสนไกล ระหว่างทางก็มีทางแยกเยอะแยะ การที่เราจะไปถึงตรงนั้นได้ หนึ่งเราก็ต้องมีความเชื่อ เชื่อว่าเราทำได้ สองต้องมั่นคง ไม่ไขว้เขว ถ้าเราทำตรงนี้ได้ ก็ถือว่าสำเร็จไปเกินกว่าครึ่งแล้ว แค่เชื่อว่าเราทำได้แล้วก็ทำตามสิ่งที่เราเชื่อ
“อีกอย่างหนึ่งคือ เรามีคุณพ่อคุณแม่เป็นแรงบันดาลใจ แม้ว่าท่านจะแยกทางกัน แล้วนัตมาอยู่กับคุณแม่ ทางแยกพวกนี้ก็ไม่เป็นอุปสรรค ไม่มีอิทธิพลต่อนัตเลย ซ้ำยังทำให้นัตรู้สึกว่านัตอยากโตให้ทันท่านใช้ นัตเลยตั้งใจมากๆ ที่จะทำให้ดีเพื่อตอบแทนคุณพ่อคุณแม่ท่านให้สบายเร็วที่สุด”
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในวันวัยแรกเริ่มเลข 2 หลัก จะมีความคิดความอ่านเช่นนี้ “คุณแม่ค่ะ…คุณแม่เป็นไอดอล” เธอเปรยขึ้น เหมือนรู้ว่าตัวเองถึงพร้อมแก่เวลาที่ควรจะเล่า เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ใครสักคนที่ชีวิตโดนวิกฤตฟ้าฝนโหมกระหน่ำจนเปียกปอน แต่ท้ายสุด เมื่อแสงแดดแยงออกจากฟ้าที่มืดครึ้ม หยดน้ำก็แห้งเหือดระเหยเป็นไอ
“จริงๆ แล้วตอนที่นัตเกิดมา คุณแม่รวยมาก รวยมากๆ คุณแม่ลงหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน ตอนนั้นรวยขนาดกินทั้งชีวิตก็คงไม่หมด คิดดู นัตมีพี่เลี้ยงถึง 22 คน คือเป็นคุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็นเลย แต่พอคุณแม่ล้มละลาย เราต้องย้ายไปอยู่มาเลเซีย ตอนนั้นอายุแค่ 13 จากที่เราทำอะไรไม่เป็นเลย ชีวิตมันพลิกทำให้เราต้องทำทุกอย่าง ทั้งเด็กเสิร์ฟ เข็นน้ำถังขาย เป็นดีเจเปิดแผ่นร้านอาหาร ถือตะกร้ายาช่วยแม่บริการนวด สังคมต่างประเทศ คือต้องหัดทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคุณแม่
“นั่นคือสิ่งที่ทำให้เป็นนัตทุกวันนี้ เป็นส่วนช่วยให้เราแข็งแกร่ง เพราะเราเจออะไรหลายอย่าง เราได้อะไรจากตรงนี้มาเยอะ เหมือนประสบการณ์ชีวิตแค่อายุ 20 แต่นัตผ่านอะไรมาเยอะเหมือนคนอายุ 40 ซึ่งแม่นัตก็สอนเสมอว่า “ให้โตกว่าอายุที่เราเป็น” มันไม่ใช่ว่าแก่เกินไป แต่มันต้องอย่างนี้ เพราะว่าสถานการณ์บนโลกมีหลายมุม เราจะไม่คิดอะไร หรือคิดตามวัยตามอายุ มันไม่ได้แล้ว”
“ท่านจึงเป็นต้นแบบนัต เป็นไอดอล เป็นคนสร้างเกราะป้องกันให้กับชีวิต เป็นทุกๆ อย่าง เพราะคุณแม่เป็นคนที่เก่งมาก ถึงขนาดได้ฉายาว่า 'แมว 9 ชีวิต' ท่านผ่านอะไรมาเยอะ ผ่านอะไรมามากมาย ผ่านการล้มละลายต้องสู้ชีวิต แต่คุณแม่ก็ยังเติมเต็มเรื่องความรักให้นัตไม่เคยรู้สึกขาด สอนนัตในทุกๆ เรื่อง เป็นทั้งคุณพ่อและคุณแม่ในคนคนเดียว บอกได้เลยว่านัตได้แม่มาเยอะ และคุณแม่นี่แหละที่เป็นตัวอย่างทำให้นัตต้องทำตามท่านให้ได้”
รักในสิ่งที่ทำ
ทำในสิ่งที่รัก
ถึงตรงนี้ เชื่อว่า “รูปลักษณ์” ตลอดจน “ความคิด” และ “จิตใจ” ของสาวสวย เสียงใส มากความสามารถคนนี้ จะทำให้หนุ่มๆ ตกหลุมรักชนิดอยากพาตัวไปพบคุณแม่อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วหนุ่มๆ สไตล์ไหนล่ะที่จะพิชิตใจสาวแกร่งคนนี้ได้
“นัตชอบคนตลก เป็นคนดี อบอุ่น มีความเป็นผู้นำ เพราะเวลาที่อยู่ด้วยกัน จะได้รู้สึกแฮปปี้มีความสุข แต่ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ”
เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนว่าต่อ “จริงๆ ดูเหมือนจะเหงานะ แต่นัตไม่เหงา เหมือนกับนัตยังไม่อยากมีเรื่องความรักตอนนี้”
และไม่ใช่ว่าคำกล่าวไปเรื่อย เช่นเดียวกับคนประเภทหน้าตาดี หรือคนมีชื่อเสียงที่ตอบคำถามเพื่อรักษาฐานแฟนคลับแต่อย่างใด เพราะทั้งหมดทั้งมวลของชีวิตในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เธอทุ่ม “ความรัก” ให้กับเขาผู้โชคดีนั้นก็คือ “งาน”
“ตอนนี้นัตสนุกกับงานตรงนี้ มันตื่นเต้น มันมีอะไรที่น่าทำเยอะแยะ ยิ่งเราเป็นคนไฮเปอร์ ไม่ชอบอยู่นิ่งๆ ก็เลยโฟกัสแต่เรื่องตรงนี้ และอีกอย่างหนึ่ง อย่างที่นัตพูดไว้ว่า คุณแม่คือต้นแบบ ท่านอยู่คนเดียวตั้งแต่เลิกรากับคุณพ่อ และท่านก็อยู่ได้ แถมเข้มแข็งและเก่ง นี่คงทำให้นัตเป็นอย่างนี้ด้วยมั้ง คือนัตไม่ได้รู้สึกว่าอ่อนแอ หรือแบบต้องการความรัก ชนิดถ้าไม่มีแล้วจะอยู่ไม่ได้
“แต่ใช่ว่านัตจะปิดตัวเองหรือว่าอะไร มันเหมือนนัตยังไม่พร้อมที่จะมีใคร แต่ในวันหนึ่งที่พร้อม นัตก็พร้อมที่จะเริ่มต้นกับใครสักคน” หญิงสาว สวย และโสด ยิ้มเต็มแก้ม ขณะปลีกตัวไปให้ช่างภาพกดชัตเตอร์…
เรื่อง: รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : ศิวกร เสนสอน และจากรูปส่วนตัว “นัตตี้-นัทธมณ คงจักร์”