แม้ละครข้าบดินทร์จะลาจอไปแล้ว แต่หลายต่อหลายคนยังคงประทับใจกับความทุ่มเทของทีมงานที่นอกจากจะพาผู้ชมย้อนอดีตอันสวยงามในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว แก่นแกนของเรื่องยังชวนให้เราขบคิดถึงคุณค่าของแผ่นดินที่เราอาศัย และที่สำคัญเรายังได้เห็นการประชันฝีไม้ลายมือของเหล่านักแสดงชั้นนำ โดยเฉพาะ แมท-ภีรนีย์ คงไทย ที่พาเราอินจนน้ำตาไหลไปกับความสามารถของเธอ
การพูดคุยกันหลังแฟชั่นเซ็ตนี้ของแมท เราจึงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ถึงที่มาที่ไปในความสามารถระดับเจ้าบทบาทของเธอ รวมถึงวิธีคิดในการใช้ชีวิต ที่น้อยคนนักจะรู้ว่า เธอได้พัฒนาไปอีกขั้นแล้ว
เป็นนักแสดงมาก็ 10 ปีแล้ว อยากรู้ว่ามีวิธีการหรือเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ผู้ชมอินไปกับบทบาทที่เราสวมอยู่
อันดับแรกคนเล่นเองต้องเชื่อก่อน เคยถามผู้กำกับเหมือนกันนะว่า พี่ ตัวละครจะทำอย่างนี้จริงเหรอ เขาตอบว่านั่นคือตัวละคร ซึ่งเขาคิดแบบนี้ทำแบบนี้ ดังนั้นเราต้องเชื่อในตัวละครก่อน ถ้าเราเชื่อแล้วไม่ว่าเราจะเล่นเล็กหรือเล่นใหญ่มันก็คือตัวละครตัวนั้นจริงๆ และคนดูจะรับรู้ได้
นักแสดงที่ดีทุกคนมี Acting Coach อยู่เบื้องหลังเสมอ คำสอนจากครูที่แมทเอามาใช้จนถึงทุกวันนี้คืออะไร
คำสอนอันนี้มาจากละครเรื่องแรกของแมทเลยก็คือ นักแสดงคือผ้าขาว ทุกวันที่เรามากองถ่ายเราต้องทำตัวให้เป็นผ้าขาวที่สะอาด ส่วนผู้กำกับจะมีสีเตรียมไว้แล้วแต่ว่าเขาจะแต่งแต้มสีอะไรให้กับเรา เราเป็นผ้าขาวที่รับสีนั้นมา กลับไปบ้านทุกครั้งก็ต้องซักให้สะอาด เพราะเราต้องแสดงหลายเรื่องหลายบทบบาท โดยแมทจะใช้วิธีนั่งสมาธิเพื่อที่จะทิ้งสิ่งเดิมออก ต้องปล่อยให้มันผ่านไปแล้วท่องบทของวันพรุ่งนี้
แล้วมีต้นแบบการทำงานที่เป็นนักแสดงด้วยกันไหม
พี่แอน ทองประสม พอมองเขาทำงานจะรู้เลยว่าทำไมคนถึงรัก ทำไมเขาถึงเป็นมืออาชีพ ความเป็นมืออาชีพของเขาต้องทำยังไงบ้าง เราจะเก็บเล็กเก็บน้อยมาเรื่อยๆ อย่างเวลาแต่งหน้าทำผมทำไมคนถึงพูดถึงแต่พี่นก สินจัย ว่าไม่เคยก้มลงไปเล่นมือถือเลย นั่นคือข้อดีของนักแสดงแต่ละคนที่เราหยิบมาใช้ แต่แมทจะไม่เลียนแบบการแสดงนะ
อย่างมีคนมาถามว่าเข้าบทกับนักแสดงใหม่ต้องปรับตัวยังไง? เขาทำให้เรายุ่งยากไหม? คือเขาทำงานใหม่ๆ มันก็แน่นอนว่าไม่มีความชำนาญไม่มีความเก่งอยู่แล้ว แต่ส่วนดีก็คือมีความสดใหม่ เราก็จะดึงความสดใส ความลั้ลลาออกมา
หมายความว่านอกจากเราจะต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมแล้ว ยังต้องแชร์เทคนิคให้น้องๆ ด้วย
อันนั้นแมทไม่กล้าหรอกค่ะ คือจริงๆ เราก็รู้ตัวว่าเราตั้งใจ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองพร้อมขนาดที่จะไปสอนใครได้ มีบ้างที่น้องขอเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องมุมกล้องที่ยืนยังไงไม่ให้บังคนที่เล่นกับเรา เราก็จะบอกน้องว่าตอนมาซ้อมมองดูก่อนเลยว่ากล้องตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง ไม่ใช่มาถึงเล่นเลย เพราะถ้าเอาเข้าจริงๆ จะไม่มีใครมาบอกนะ
ทุกวันนี้มีบทบาทไหนที่อยากเล่นแต่ยังไม่ได้เล่น
ถ้าสมัยก่อนจะบอกว่าร้ายๆ แต่ว่าตอนนี้กำลังเล่นในบทที่ค่อนข้างร้ายที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาในเรื่องไฟล้างไฟค่ะ
เห็นงานยุ่งๆ มีวิธีจัดการสมดุลชีวิตยังไงบ้าง
เมื่อก่อนไม่มีเลย แต่เมื่อต้นปีมานี้แมทเปลี่ยนตัวเองทุกอย่าง ปกติเป็นคนชอบทานผักผลไม้อยู่แล้ว แล้วก็ดื่มน้ำเยอะพอสมควร แต่ตอนนี้ก็ยิ่งดื่มเยอะเข้าไปอีก เปลี่ยนมาทานมังสวิรัติแล้วก็ออกกำลังกาย จริงๆ แล้วอาชีพพวกเราก็สามารถพูดได้นะว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่ถ้าเกิดใจมันสู้จริงๆ ยังไงก็ทำได้ อย่างเลิกละครมาสามทุ่มสี่ทุ่มเราผูกรองเท้าวิ่งสักครึ่งชั่วโมงก็ยังดี นี่คือสิ่งที่แมทหาสมดุลให้ตัวเองในปีนี้
แล้วสมดุลความรักล่ะ ดูแลกันยังไง เติบโตกันไปแบบไหน
แมทปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่เคยกำหนดกฎเกณฑ์ว่าต้องทำแบบนั้นภายในปีนี้ เรารู้ว่าผู้หญิงทุกคนก็มีเป้าหมายว่าอยากมีครอบครัว แต่ก็อย่างที่บอกคือเราปล่อยให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ สมมุตินึกๆ เอาไว้ว่าอีกสักสองสามปีแต่งงานมีลูก แต่ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ จังหวะชีวิตมันไม่ได้ก็ไม่ถือว่ามันผิดพลาดนะ
ฟังๆ ดูเหมือนศึกษาเรื่องธรรมะอยู่เหมือนกัน
ศึกษาค่ะ แต่ไม่ได้เป็นชาวพุทธที่จริงจังขนาดนั้น ตอนนี้แมทยึดถือทางสายกลาง เอาที่พอดีๆ อย่างบางคนอาจจะชอบสวดมนต์แต่ยังนินทาคนอื่นอยู่ สำหรับแมทมันไม่ใช่แบบนั้น เราไม่ได้เข้าวัดเพื่อทำบุญแต่ชอบทำบุญกับหมากับแมวกับคน เคยได้ยินไหมคะว่าแม้พระไตรปิฎกจะถูกเผาไป แต่คำสอนยังอยู่ในจิตใจอยู่ในความคิดอยู่ในการกระทำของเรา
เห็นสาวๆ หลายคนชอบเขียนในโซเชียลเน็ตเวิร์กเรื่องการตามหารักแท้ ตามหารักจริง แมทคิดยังไงกับเรื่องนี้
เราจะเห็นบ่อยทำนองว่า เมื่อไหร่จะเจอคนแบบนี้ หรือเมื่อไหร่ฟ้าจะส่งคนแบบนี้มาให้ฉัน เอาจริงๆ เลยนะมันเป็นเรื่องไร้สาระ ยกตัวอย่างเวลาที่แมททะเลาะกับแฟน แมทยังกินข้าวได้ยังนอนหลับ คือเรื่องนี้มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต และแมทมีความเชื่อว่าคุณไม่สามารถกำหนดได้ว่ามีแฟนหรือไม่มีแฟนและแฟนคุณจะดีหรือไม่ดี คนจะมีมันก็มีเอง ต่อให้อยู่คนละซีกโลก อีกสิบปียี่สิบปีสักวันก็ต้องได้เจอ
อย่างเรื่องความรักที่มีต่อพ่อแม่ เราไม่ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษเพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องเป็นอยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำแต่เป็นสิ่งที่ต้องเป็น กอดกับพ่อแม่เราก็กอดบ่อยไม่มีเขินอาย ขอโทษกันขอบคุณกันเป็นเรื่องปกติ
ในวันที่ความเหนื่อย ความท้อเข้ามาในชีวิตเรามีวิธีการรับมือกับมันยังไง
อย่างเมื่อก่อนแมทจะเป็นเด็กเอาแต่ใจแล้วก็ขี้โมโหมาก อะไรไม่ถูกใจก็จะพูดตรงๆ โพล่งๆ ออกไป แต่ว่าตอนนี้เราโตขึ้นก็กลับมาคิดว่าสิ่งที่เราพูดไปมันตรงมันเป็นเรื่องจริง แต่มันก็จะอาจจะแรงไปจนทำให้เขาเสียใจ เลยรู้สึกว่าเรื่องร้ายๆ ที่เจอเดียวมันจะดีขึ้นเอง อย่างหน้าเราไม่ยิ้ม คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจหรอก เราจะไปอธิบายให้เขาฟังได้ยังไงว่าหน้าเราเกิดมาเป็นอย่างนี้แต่ในใจเราไม่มีอะไรนะ เราไม่สามารถจะอธิบายคนบนโลกนี้ได้ทั้งหมด แต่ถ้าตอนไหนคิดได้เราก็ยิ้มให้คนรอบข้างดู ซึ่งก็ได้อีกมุมมองที่ดีกลับมา ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ จูนตัวเองไป ปรับเท่าที่เราปรับไหว ไม่มีใครที่จะเกลียดไปซะทั้งหมดหรอก
สุดท้ายแล้วอยากฝากอะไรถึงแฟนคลับแมทบ้าง
อยากฝากละครเรื่องขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ ส่วนที่ถ่ายทำอยู่ก็เรื่องไฟล้างไฟ หลายๆ คนอาจจะชอบข้าบดินทร์ที่เห็นเราแต่งชุดไทยท่าทางเรียบร้อย แต่ว่าสองเรื่องที่บอกมาจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบ ในเรื่องขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจแมทจะรับบทแก่นๆ เด็กๆ วีนๆ หน่อย ส่วนไฟล้างไฟจะออกดราม่ามาก ใครชอบดราม่าต้องเรื่องนี้เลย
ภาพแฟชั่น : Thiravich Lorlertrattana
ภาพเบื้องหลัง : ณัชชา เจียรไพศาลเจริญ
เรื่อง : PAN