'กัปตันตูน' ทหารอากาศไม่เคยขาดรัก


“ไกลสุดสายตาขอบฟ้าสีคราม แผ่นดินสยาม ใครรุกใครรานแล้วเป็นไม่ได้ ทหารอากาศองอาจคะนอง ปกป้องฟ้าไทยไตรรงค์ผืนใหญ่เทิดไว้สูงล้น” ทหารอากาศขาดรัก บทเพลงนี้คงร้องได้อินมากๆ เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว เพราะบรรดาหนุ่มๆ ในเครื่องแบบคงจะไม่เป็นที่น่าพิสมัยนักสำหรับสาวๆ รุ่นแม่ แต่ถ้าจะเอาเพลงนี้มาร้องในสมัยนี้คงจะใช้ไม่ได้ซะแล้ว เพราะหนุ่มหล่อในเครื่องแบบสมัยนี้กลับกลายเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งประเทศ เรียกได้ว่ากลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมกันเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นทัพไหนเหล่าไหน ความหล่อ ความเท่ ก็เข้าตากรรมการไปซะทุกคน

แต่แหม…ถ้าฮัมเพลงมาซะขนาดนี้แล้ว จะไม่พูดถึงทหารอากาศก็คงจะขึ้นต้นมาผิดเพลง หนุ่มนักบินสุดเท่ ที่มียอดไลค์เป็นแสน แฟนเพจเป็นหมื่น “กัปตันตูน-รณชย พูนบุญ” ที่โด่งดังมาจากรายการ Take me out Thailand และกลายมาเป็นเน็ตไอดอลที่มีสาวๆ ติดตามมากที่สุดในขณะนี้
 
พิงเบาะให้สบาย รัดเข็มขัดให้ัมั่น แล้ว Take off ไปพร้อมกัปตันคนนี้ได้เลย ณ บัดนาว…

แนะนำตัวเองหน่อยครับ กัปตัน
ผมชื่อนาวาอากาศตรี รณชย พูนบุญ ชื่อเล่นชื่อตูน ปีนี้อายุ 33 ปี ตำแหน่งหน้าที่ที่ทำอยู่ตอนนี้คือ นายทหารคนสนิทของหัวหน้าคณะฝ่ายเสธ เป็นเจ้าหน้าที่อยู่กรมกิจการพลเรือน และเป็นนักบินของกองทัพอากาศด้วยครับ ทุกวันนี้หน้าที่หลักๆ ก็เหมือนกับคนสนิททำหน้าที่คอยติดตามท่าน นายผมเป็นผู้ใหญ่ของกองทัพอากาศ หน้าที่ผมจะเป็นเหมือนเลขาฯ คอยดูงาน ตารางงาน วางแผนต่างๆ นอกเหนือจากงานหลักก็จะไปเป็นวิทยากร เช่น มีงานแนะแนวตามโรงเรียนต่างๆ ก็ไปแนะแนวให้กับนักเรียน เป็นวิทยากรอาสาสมัครของพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ ถ้าเขาเชิญมาก็ไป งานปกติก็จะทำงานกับผู้ใหญ่ คนคิดว่าเป็นเรื่องง่ายแค่เป็นเลขาฯ แต่การเป็นเลขาฯ ทหารมันมีอะไรมากกว่านั้น เราต้องคิดวางแผนระบบต่างๆ คำพูดคำจา เจอคนเยอะ รักษาความปลอดภัยของท่านหลายๆ อย่าง
 
มีความฝันอยากเป็นทหารอากาศตั้งแต่เด็กเลยใช่ไหม?
เริ่มตั้งแต่ 7 ขวบ ตอนเด็กจะเป็นเด็กที่เรียนอ่อนมาก นักเรียนในห้องมีทั้งหมด 48 คน เราสอบได้ที่ 47 หลังจากนั้นพ่อก็พาไปเที่ยวงานวันเด็กที่กองทัพอากาศ ได้ขับเครื่องบินแล้วก็มีความรู้สึกว่าเราอยากเป็นนักบินนะ ดังนั้น เราต้องตั้งใจเรียน ก็ตั้งใจเรียนจากที่ 47 ก็กลายมาเป็นได้ที่สิบกว่า แล้วก็กลายมาเป็นเลขตัวเดียว ขยันเรียนมาตลอดเราก็ไม่ทิ้งความฝันจนมาสอบเข้าเป็นนักบินได้ แล้วก็ได้มาขับเครื่องบินลำเดียวกับที่เราเคยขี่ตอนเด็กๆ ที่เคยถ่ายรูปไว้ อันนี้คือสิ่งที่อยากจะบอกว่าผมทำได้จริงๆ “ถ้าผมทำได้คุณก็ทำได้” ผมได้ไปแนะแนวอยากให้เด็กๆ ที่มีความฝันได้ทำอย่างผม

อะไรคือแรงผลักให้เด็กที่เรียนไม่เก่ง ก้าวขึ้นมาเป็นทหารนักบินไำด้?
จริงๆ แรงบันดาลใจก็คือ “อยากให้พ่อแม่สบาย” อย่างเดียวเลย อยากให้เขาสบายต้องทำยังไงดี เลยคิดว่าอาชีพนักบินเป็นอาชีพที่มั่นคง แล้วเราก็ชอบด้วย ตอนเด็กๆ เราคิดว่าเท่แต่พอได้มาทำจริงๆ มันเหนื่อยนะ มันต้องฝ่าฟันอุปสรรคเยอะ กว่าจะสอบเข้ามาได้ คนสมัครสอบตั้ง 30,000 คน แต่รับแค่ 100 คน ต้องอ่านหนังสือเยอะมากทำข้อสอบเป็นพันข้อ พอเข้ามาได้แล้วเราก็ต้องอดทนกับการฝึก บางคนคิดว่าสอบติดเท่ แต่มันลำบากนะ เราคิดเพียงอย่างเดียวคืออยากให้พ่อแม่สบาย มีความมั่นคง

ดูเป็นคนซีเรียสจริงจังกับชีวิตและการทำงานอยู่นะ?
ผมมีแนวคิดในการทำงาน คือ อดทน ชอบความกดดัน เวลาทำงานต้องมีความกดดันสูง นักบินต้องทำงานแข่งกับเวลา เราต้องตัดสินใจว่าเราต้องทำสิ่งไหนก่อนสิ่งไหนหลัง สมมติว่ามีงานอยู่ 10 อย่างที่เราต้องทำพร้อมๆ กัน คุณจะเลือกทำอันไหนก่อนก็ได้ แต่ผลที่ได้ออกมามันไม่เหมือนกันนะ กับการจัดลำดับให้ถูกต้อง อันนี้ต้องทำก่อนเรียงลำดับไปหนึ่ง สอง สาม สี่ นี่ถือเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำงานและการเป็นนักบินของผม คือ การจัดลำดับความสำคัญ
 
ดูเหมือนเป็นอาชีพที่สนุก แต่นักบินก็น่าจะมีกฏเหล็กข้อห้ามอยู่เยอะเหมือนกันใช่ไหม?
มีครับ เรื่องของการทำงานสิ่งที่เขาสอน หรือสิ่งที่เขากำหนดมาแล้ว กฎการบินต่างๆ เราจะไม่ฝ่าฝืนเลย เพราะว่าถ้าฝ่าฝืนมันคือความตาย ยกตัวอย่างเช่น มีภูเขาสูง 500 ฟุต คุณต้องบินให้สูงมากกว่า 500 ฟุต แต่เราคิดว่าไม่เป็นไรหรอก บินแค่ 499 ฟุตก็ได้ แต่ว่าห่างกันแค่ฟุตเดียวคุณก็ชนเขาตายเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณก็ห้ามพลาดเลย นักบินจะต้อง “เป๊ะ” เรื่องเวลากับความสูง ห้ามพลาด ถ้าคุณพลาดเป็นวินาทีคุณก็ตายเหมือนกัน เช่น เราจะบอมเครื่องบินตรงนี้ เวลานี้ ถ้าคุณมาไม่ถึง พลาดเรื่องเวลา คุณก็ตายเหมือนกัน มันจะทำให้การทำงานเกิดข้อผิดพลาดที่ตามมามากมาย

ประสบการณ์ครั้งไหนที่คุณประทับใจมากที่สุดในชีวิตนักบิน?
ช่วงน้ำท่วมที่จังหวัดอยุธยา สิงห์บุรี อ่างทอง ครับ เราก็เป็นนักบินที่ไปช่วยเขา บินขนอาหาร ยารักษาโรค ของใช้ต่างๆ ไปให้ชาวบ้านที่จังหวัดต่างๆ เขาไม่สามารถออกมารับของได้เลย เราบินไปก็เอาของเหล่านี้โยนลงไปในน้ำ เขาก็พายเรือออกมาเอา มันทำให้เราได้เห็นถึงรอยยิ้ม เห็นน้ำตาของชาวบ้าน รู้สึกประทับใจ เราเป็นนักบินฮอล์ คือไม่ได้มีหน้าที่ไปรบ แต่เรามีหน้าที่ลำเลียงผู้คนช่วยเหลือคน มันทำให้เรารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ช่วยเหลือคน
Take me out
ในความเป็นทหารอยู่ในเครื่องแบบมาดต้องนิ่งต้องขรึม แล้วตัวจริงๆ ของกัปตันตูนเป็นแบบนั้นรึเปล่า?
เป็นคนมีสองบุคลิกครับ คือถ้าใส่เครื่องแบบก็ต้องนิ่ง สำรวม อยู่ในกฏระเบียบ แต่เวลาเจอคนข้างนอก เขาอาจจะมองว่าเราเป๊ะเกินเหตุ อึดอัดนะเวลาคุยกับคนข้างนอก เขาจะบอกว่าทำไมพี่ต้องตึง ต้องตรงขนาดนี้ ซึ่งเราไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก แต่ความเป็นทหารมันหล่อหลอมให้เราเป็น ถ้าผมไม่เป็นแบบนี้แล้วคุณจะไว้ใจผมในการทำงานในการรบได้เหรอ ถ้าผมไม่ได้มาเป็นทหารก็คงเป็นคนสนุกสนานเฮฮา แต่ทหารมันทำให้ผมเป๊ะ มันมีสองส่วน ธาตุแท้คือเป็นคนร่าเริง กับอีกส่วนที่โดนหล่อหลอมมา โรงเรียนนักเรียนเตรียมทหารเขาจะสอนบุคคลพลเรือนให้กลายมาเป็นทหาร ความเป็นทหารเขาก็จะสอนให้เดินหลังตรง ช่วยถือของ ไม่บ้วนน้ำลาย ไม่ล้วงกระเป๋า คือเขาจะสอนมารยาทพื้นฐาน สอนให้เป็นสุภาพบุรษโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วย พอโตขึ้นเราถึงรู้ว่าเราต่างจากคนอื่น เรารับผิดชอบกว่าคนอื่น เราเสียสละกว่าคนอื่น เพราะเขาสอนให้เราลำบากตลอดเวลา เรียนหนังสือ กินข้าวก็กินใต้โต๊ะ กินอาหารรวมกัน ให้เราตากแดด เราอยู่ในโรงเรียนเราลำบากขนาดนี้ พอออกไปข้างนอกเราก็จะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้

มีคนเริ่มรู้จักกัปตันตูนได้อย่างไร ก่อนที่จะมาเป็นเน็ตไอดอลที่มีสาวๆ ติดตามมากขนาดนี้?
เริ่มจากการไปออกรายการ Take me out ทางช่อง 3 มีคนชักชวนเราไปออก หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนเห็นมีคนรู้จักมากขึ้น ปกตินักเรียนทหาร ตำรวจจะไม่ค่อยได้ไปออกรายการ พอผมเริ่มไปออกก็จะมีเหล่าอื่นตามมา มีการติดต่อให้ไปถ่ายแบบนิตยสารบ้าง ก็จะมีนิตยสารแพรว ผมไม่ได้ลงคนเดียวนะ ก็จะมีน้องๆ จากเหล่าอื่นมาลงด้วย แต่สมัยเป็นนักเรียนทหารผมก็จะมีงานที่ลงนิตยสารบ้างอย่าง เด็กเด็ดๆ ของไทยรัฐ เมื่อปี 2547, ดิฉัน, เนชั่นจีโอกราฟฟิค งานที่จะต้องออกสื่อไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ หรืองานหนังสือ ก็ต้องทำเรื่องขออนุญาตทางกองทัพก่อน ส่วนเพจนายร้อยไฉไลเจ้าของเพจเป็นรุ่นน้องผม เขาก็มาขอรูปไปลงในเพจหน่อย ก็เริ่มมีคนรู้จักหลากหลายมากขึ้น ก็ได้ไปออกรายการทีวีบ้าง เช่น บอกเล่าเก้าสิบ, แชแนลวี แล้วก็รายการกรีนแชแนลครับ
Take me out
พอเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นมันทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปล่า?
เปลี่ยนไปนะ คือตัวผมไม่ได้เปลี่ยนนะ เวลาผมไปไหนอาจจะมีคนมาขอถ่ายรูปมากขึ้น จะไปไหนก็จะมีคนถามว่า “พี่อยู่ที่ไหน ขอเจอ” จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมีศักยภาพ ทำให้คนมาชอบเรามากขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าเราจะเป็นไอดอล ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนปกติอยู่แต่เขากลับคิดว่าเราเป็นไอดอลของเขา จริงๆ Take me out ก็เป็นกระแสหนึ่งที่ทำให้ผมเป็นที่รู้จัก แล้ววันหนึ่งก็มีน้องมาบอกว่าให้ทำเพจสิ ผมก็เลยทำเพจขึ้นมา หลังจากนั้นเพจนายร้อยไฉไลก็เอาไปลงทำให้มีคนรู้จักเรามากยิ่งขึ้น เพราะเพจนายร้อยไฉไลเขามีคนติดตามอยู่แล้วสามแสนกว่าคน พอเราไปลงก็มีคนรู้จักเราเพิ่มมากขึ้นอีก แต่ที่ประทับใจก็คือมีคนมาบอกว่าเวลาเขาเครียดเขาก็จะมาดูเพจเรา เวลาเขาเหงาหรือขาดกำลังใจ จะสอบเข้าที่โน่นที่นี่ก็จะมาถามเรา อ่านยังไง เตรียมตัวยังไง อย่างที่ผมบอกอยู่เสมอว่า “ผมเป็นเด็กธรรมดา ผมไม่ได้เรียนเก่ง แต่เรามีความขยัน มีความพยายาม ผมทำได้คุณก็ต้องทำได้” มันอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาเห็นเราเป็นไอดอลของเขาก็ได้
 
อะไรคือประโยชน์ที่ได้เรารับจากความดัง?
ผมเปรียบว่าเราเหมือนซูเปอร์แมนหรือสไปเดอร์แมน ก็พยายามมอบสิ่งดีๆ กลับคืนเขาไป เวลาผมโพสต์อะไรก็จะสอดแทรกข้อคิดดีๆ ที่มีประโยชน์ หรือเราจะโปรโมตกองทัพอากาศของเรา เช่น จะมีการบินแอร์โชว์นะครับใครสนใจมาดูได้ หรือพิพิธภัณฑ์ทหารอากาศตอนนี้มีอะไร เราพยายามให้กำลังใจ ให้คนต่อสู้กับชีวิต ยิ้มสู้ ให้แง่คิดดีๆ จากที่เรามีความสำเร็จตรงนี้แล้วเราก็อยากแชร์ความสำเร็จตรงนี้ให้ผู้อื่นทำต่อได้
โครงการเยาวชนไทยใต้ฟ้าเดียวกัน
ถือว่าประสบความสำเร็จหรือเปล่าจากการทำตรงนี้?
ผมถือว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะ Input กับ Output มันต่างกัน ผมทำตรงนี้ผมไม่เสียเงิน ผมไม่ได้ลงทุนเพจ ผมไม่ได้เสียค่าโฆษณา แต่สิ่งที่ผมได้กลับคืนมาคือ คนอื่นได้สิ่งดีๆ กลับไป ผมตีค่าของความสำเร็จตรงนี้คือคนอื่นเขาได้สิ่งดีๆ แล้วเขาก็ชื่นชม แค่นี้ผมก็โอเคแล้ว ถือว่าคุ้มมาก
 
คิดว่าตัวเรามีอะไรดี ถึงได้มีคนชื่นชอบชื่นชมติดตามเยอะขนาดนี้?
ผมไม่ได้คิดว่าผมดังนะ สิ่งแรกเลยก็น่าจะมาจากการที่เขาชื่นชอบที่รูปร่างหน้าตาของเรา รูปลักษณ์ภายนอก แต่พอเขาได้มาติดตามเราแล้ว ในเพจเรามอบแต่สิ่งดีๆ ผมได้พูดคุยกับคนที่ติดตาม มีการมีตติ้งพบปะสังสรรค์กัน อย่างที่บอกคือผมได้ใช้ศักยภาพในการที่มีคนมาติดตามผมเยอะขนาดนี้ พอมีโครงการของกองทัพอากาศ อย่างเช่น การเอาเครื่องบินไปรับเด็กจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ประมาณ 80 คน ชื่อว่า “โครงการเยาวชนไทยใต้ฟ้าเดียวกัน” มาที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ มาดูเครื่องบิน ไปอยุธยา เที่ยวที่ต่างๆ จุดประสงค์คือ ทำให้เด็กเหล่านี้รู้วิถีชีวิตของเรา ให้เขารับรู้ว่าเราไม่ทำร้ายเขานะ เรารักเขา เราเป็นพวกเดียวกับเขา โตขึ้นมาเขาก็จะไม่ทำร้ายเรา ผมก็เลยโปรโมตในเพจของผมว่ามีโครงการดีๆ แบบนี้ มีใครสนใจมาร่วมไหม เอาของมาบริจาค คนก็มาเป็นร้อยคนที่เข้าร่วม แล้วผมก็โทร.ไปบอกรายการบอกเล่าเก้าสิบ รายการก็มาถ่าย เลยเป็นการมิกซ์แอนด์แมตช์

พอมีคนที่ชอบเราเยอะอย่างนี้แล้ว มีคนที่ไม่ชอบเราบ้างไหม?
มีครับ ส่วนใหญ่จะเกิดจากผู้หญิงที่เขาชื่นชอบเรากดแชร์ไปแล้วเพื่อนเขาหรือแฟนเขามาเห็นก็อาจจะไม่ค่อยพอใจ หมั่นไส้ก็คอมเมนต์ มันก็ขึ้นของเรา ผมจะเป็นคนที่อ่านคอมเมนต์เกือบทั้งหมด แต่อ่านแล้วบางทีจะไม่ตอบ ถ้าตอบไปมันจะเหมือนกับว่าตอบคนนี้แล้วไม่ตอบคนนั้น เพราะบางทีมันเยอะมากผมก็จะอ่านเฉยๆ ส่วนใหญ่กระแสที่แอนตี้ผมก็จะไม่แรงมาก ถือว่าน้อยมากส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ชาย ผู้หญิงจะไม่มี ที่แอนตี้ก็จะมีว่า “ทำไมไม่ไปรบชายแดน มัวแต่โชว์” แต่ผมอยากจะบอกว่าภารกิจของเราไม่เหมือนกัน กองทัพบกก็จะส่งทหารไป กองทัพอากาศก็จะส่งเครื่องบินไป บางภารกิจเราก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่สิ่งที่ผมบอกได้คือการที่ผมเอาเครื่องบินไปรับเด็ก ไปพาพวกเขามาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรา ถึงผมไม่ได้ไปรบแต่อนาคตของเด็กๆ เหล่านี้ที่ผมได้ทำปีหนึ่งเป็นพันๆ คนที่เขาต้องโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ให้เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีที่สุด ผมก็ขอทำในส่วนนี้และทำให้ดีที่สุด

ในความคิดของกัปตันตูน คิดว่าหนุ่มหล่อในเครื่องแบบมีข้อได้เปรียบคนธรรมดาทั่วไปยังไงบ้าง สาวๆ ถึงได้ให้ความสนใจตามกรี๊ด?
ผมรู้สึกว่า หนุ่มในเครื่องแบบได้เปรียบผู้ชายธรรมดาไม่ใช่เรื่องหน้าตานะ เพราะเราหล่อสู้ดาราไม่ได้หรอก เขาหล่อกว่าเราเยอะ แต่เราอาจจะมีเครื่องแบบที่มีเกียรติ บางครั้งผู้หญิงก็ไม่ได้ชอบคนที่หน้าตาเสมอไป ถ้าพูดถึงตั้งแต่สมัยโรมัน คนที่เป็นนักรบก็ไม่ได้หล่ออะไรหรอก แต่เขามีความมั่นคงมีพลังอำนาจของความเป็นผู้นำอยู่ ลึกๆ แล้วผู้หญิงก็ไม่ได้ชอบคนหล่อ แต่ชอบคนเก่งมีความสามารถ ผมรู้สึกว่าเครื่องแบบมันมีพลังอำนาจของมันอยู่นะ พลังอำนาจของความเป็นผู้นำ ผู้หญิงจะชอบคนในเครื่องแบบเพราะมันดูมีเกียรติ ดูดี โก้เก๋ ผมก็มีความรู้สึกภูมิใจอยู่นิดหนึ่งที่ว่า สมัยก่อนรุ่นพ่อเราเด็กเตรียมทหาร สาวๆ จะกรี๊ดมาก แต่พักหลังดูมันเงียบไป จะหันไปสนใจเด็กมหา'ลัยมากกว่า (ในความรู้สึกส่วนตัวผมนะ) แล้วพอมาในยุคผม เราสามารถสร้างทัศนคติใหม่ว่าทหารก็ดูดี มีความเป็นผู้นำ สามารถทำให้คุณชอบได้ นี่เป็นความภูมิใจเล็กๆ

ภาพทหารในความคิดส่วนใหญ่ คือต้องหน้าเข้มๆ ทะมึนๆ แต่หน้าตาของกัปตันนี่ ดู “กริ๊บ” มาก?
ต้องบอกก่อนว่าคาแรกเตอร์ของแต่ละเหล่าไม่เหมือนกัน ทหารบกเขาต้องตากแดด ทหารอากาศเราอยู่บนเครื่องบิน แต่ตอนเป็นนักเรียนทหารก็ฝึกตากแดดตัวดำ เหมือนทหารบก แต่พอมาเป็นนักบินมาทำงานเราก็ได้อยู่แต่บนเครื่องบินแล้วไม่ได้โดนแดดอะไรมากมาย ที่ผมดูแลตัวเองตลอดก็คือเรื่องของการออกกำลังกาย นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ตั้งแต่ตื่นนอนมาผมก็จะทานน้ำเปล่าก่อน 2 แก้วให้ระบบขับถ่ายเราดี ทานข้าวให้ตรงเวลา ทานเสร็จผมจะทานยาบำรุงพวกวิตามินซี ตอนเย็นก็จะไปวิ่ง เล่นเวต แต่วิ่งทุกวันไม่ไหวนะร่างกายจะกรอบ พยายามจะวิ่งวันเว้นวัน แต่ต้องพยายามออกกำลังกายทุกวัน ผมเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬามาเราก็จะเอามาปรับใช้กับตัวเอง ในความเป็นนักบินก็จะมีอาจารย์มาสอน คุณต้องใส่แว่นกันแดดนะ เพราะในแสงแดดมี UVA-UVB อนาคตถ้าคุณไม่ใส่แว่นตาคุณก็จะเป็นต้อหิน ต้อลม คุณต้องออกกำลังกายแบบนี้ เพราะหัวใจคุณสำคัญต้องแข็งแรง


มีสาวๆ เข้ามาชอบมากมาย สเปกของกัปตันจริงๆ เป็นแบบไหน?
ขอให้เป็นคนคุยรู้เรื่องครับ เป็นคนดีครับ

มองอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้าเป็นยังไงบ้าง?
10 ปีข้างหน้าผมอยากมีชีวิตที่มีความสุขที่แท้จริงครับ ความสุขที่แท้จริงของผม คือ อยากมีอากาศดีๆ หายใจ อยากกินผักสะอาดๆ ผมอยากมีเวลาออกกำลังกาย ผมไม่ได้อยากมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่แต่ต้องไปโกงชาวบ้าน หรือว่ายิ่งใหญ่แล้วต้องทำร้ายผู้อื่น “Simple is best ชีวิตธรรมดาแต่มีความสุข” ผมเป็นคนปกติธรรมดาคนหนึ่ง แต่ในความธรรมดามันแฝงไว้ซึ่งความไม่ธรรมดาอยู่ตรงที่ ผมมีความตั้งใจ อดทน แล้วก็ทำมันได้จริง ทำให้สิ่งเหล่านี้มันเกิดภาพพจน์ อีกอย่างหนึ่งที่โชคดีคือผมได้มาอยู่กับเจ้านายซึ่งเปรียบเสมือนพ่อผมคนหนึ่ง ถ้าไม่ได้มาอยู่กับท่านคงไม่มีวันนี้ และการออกสื่อทำให้คนรู้จักผม จริงๆ ผมเป็นแค่คนธรรมดา ในกองทัพมีคนที่เก่งอีกเยอะ แต่ผมดันมีโอกาส ผมก็เลยใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองและผู้อื่น ช่วยเหลือสังคมต่อไปครับ 

สุดท้าย กัปตันรู้สึกอย่างไรกับการได้เป็นทหารอากาศของตัวเองบ้าง?
ความภาคภูมิใจคือผมตัดสินใจถูกแล้วที่ผมเลือกเป็นทหารอากาศ ตอนผมสอบผมเลือก 3 เหล่าทัพ ติดร้อยคนแรกทั้ง 3 เหล่าทัพเลย ทหารบก ตำรวจ และทหารอากาศ แต่เราเลือกทหารอากาศ รู้สึกว่าเราเลือกไม่ผิด เราได้ทำตามความฝันของเราแล้ว ได้ขับเครื่องบินลำที่เราเคยนั่งเมื่อสมัยเด็กๆ ทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ เราสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองและครอบครัวแล้ว อนาคตผมไม่อดตายมีข้าวกิน มีบ้านหลวงให้อยู่ พ่อแม่ผมมีคนดูแล ชีวิตผมคิดว่ามันมาเกินคุ้มแล้ว ที่เหลือตอนนี้ผมอยากทำให้คนอื่นบ้าง ทำให้เด็กกำพร้า เด็กภาคใต้ สร้างรอยยิ้มให้กับผู้อื่น ช่วยแนะแนวเด็กๆ บางครั้งเราพูดวันเดียวก็อาจเปลี่ยนความคิดเขาได้ จากคนที่ไม่เรียนมาเรียนก็ได้ เหมือนที่ผมเรียนได้ที่โหล่มาเป็นเรียนดีมีอนาคต มันเป็นผลมาจากการที่ผมเปลี่ยนความคิดนะ ในการพูดของผมครั้งนึงแล้วมันสามารถเปลี่ยนความคิดของคนได้คนหนึ่งถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ตอนเด็กๆ เวลาจะทำอะไรสักอย่างเราไม่รู้จะประสบความสำเร็จรึเปล่านะ “แต่เราต้องบอกตัวเองว่าอดทนสู้เพื่ออนาคต อดทนสู้เพื่ออนาคต อดทนสู้เพื่ออนาคต รู้แค่นั้น” ได้ไม่ได้ไม่รู้แต่เรากดดันนะ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้มันเหนื่อยมาก จริงๆ ผมเป็นคนเครียดนะ เครียดเพราะว่าผมตั้งใจทำ อ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืน ทำข้อสอบเป็นพันๆ ข้อ ผมว่าความเก่งไม่เก่งมันพัฒนาได้นะ มันขึ้นอยู่กับความขยันและความพยายามต่างหาก บางคนมีแค่ความฝันแต่ไม่ลงมือทำมันก็ไม่ได้




No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE