ออกมาพูดครั้งใด ก็มันสะใจกันไปครั้งนั้น สำหรับบุรุษปากตะไกรอย่าง “พี่ตู้-จรัสพงษ์ สุรัสวดี” ซึ่งกำลังจะมีทอล์กโชว์ครั้งใหม่ ในชื่ออันชวนหาเรื่อง (อีกแล้ว) อย่าง “ความจริงที่เจ็บปวด แต่ทุเรศ”
แน่นอนว่า สำหรับคนที่รู้จักพี่ตู้ดี ย่อมจะคาดเดาได้ไม่ยากว่า สิ่งที่พี่ตู้จะมาบอกผ่านทอล์กโชว์นั้น ย่อมยึดโยงผูกเชื่อมกับความเป็นไปของบ้านเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก่อนจะไปถึงทอล์กโชว์ดังกล่าว เราขอแสดงความ “สงสัย” ก่อนใครเพื่อน แล้วโยนคำถามให้พี่ตู้ตอบถึง “ที่มาที่ไป” ของ “ความจริง” แบบนั้น และอะไรบ้างที่พี่ตู้เห็นว่ามันคือ “ความจริงที่เจ็บปวดและทุเรศ”…
“ไม่ควรพาเด็กมานะครับ พาสุนัขมาได้ เพราะเอารายได้ไปจัดคอนเสิร์ต “คนใจหมา” ช่วยสมาคมพิทักษ์สัตว์ปลายปีครับ ในทอล์กโชว์พี่ตู้จะเล่าเรื่องจริงมากมายหลายเรื่องรอบโลกที่กระทบเราโดยตรง เป็นเรื่องไม่น่าเล่าทั้งสิ้น แต่ไม่เล่าก็ไม่มันนะ เก็บไว้คนเดียวคงอึดอัด เพื่อนพี่ตู้ที่เคยเรียนมัธยมด้วยกันที่อังกฤษ วันนี้เป็นหน่วยข่าวกรองสกอตแลนยาร์ด เกษียณออกมาพร้อมแฟ้มความลับเอามาขายกินซะงั้น แต่พี่ตู้ได้มาฟรีครับ แลกกับความลับทางราชการของบ้านเรา” นั่นคือถ้อยความเบื้องต้นสำหรับคนที่แฟนคลับพี่ตู้ และทอล์กโชว์นี้ ห้ามพลาดเด็ดขาด!
คำว่า “ความจริงที่เจ็บปวด แต่ทุเรศ” มันเกิดมาจากจุดไหนครับ หรือพี่ตู้มองเห็นอะไรในบ้านนี้เมืองนี้ ถึงคิดว่ามันเป็นความเจ็บปวด แล้วก็ทุเรศทุรังด้วย?
คือการดิ้นรนของนิสิตนักศึกษาสิบสี่ตุลา มาสู่วันนี้ แล้วกลับกลายเป็นอย่างนี้ไงครับ เราแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าเพื่อมาเจอสิ่งที่เลวร้ายกว่า คือหนีจากเหลือบตัวเดียว มาหาเหลือบหลายฝูง แล้วดันมาถึงทางตันอีกด้วย อันนี้เจ็บปวดครับ แต่ที่ทุเรศคือ ยังไม่ยอม ไม่รู้ตัว และไม่ยอมรับกันอีกไงครับ ยังจะทำสถิติประเทศเกษตรกรรมประเทศเดียวที่เลือกตั้งแบบประชาธิปไตยโดยไม่ซื้อขายเสียงให้ได้ไงครับ เผื่อจะได้ลงกินเนสบุ๊ก ซึ่งต้องยัดเงินครับยุคนี้ ไม่มีใครให้ลงฟรีอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ผู้จัดการบ้านเราหรอกครับ
คนยุโรปอเมริกาก็คงไม่เข้าใจนะครับว่าอียิปต์ปฏิวัติทำไม เหตุใดจึงไม่แก้ปัญหาโดยใช้สภาผู้แทน ที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนที่พวกแองโกลแซกซันทำกัน ก็ถ้าเงยดูพีระมิดก็จะเข้าใจไม่ยากครับ สุสานกษัตริย์ใหญ่โตขนาดนั้นมันบอกถึงระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ฝังลึกและมั่นคงมายาวนาน การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบอบเก๋ไก๋ย่อมยากเข็ญกว่าเผ่าพันธุ์ที่ภาษามีแต่คำว่า “ไอ” กับ “ยู” เท่าเทียมกันมาแต่โบราณกาล และสุสานหัวหน้าเผ่าก็ไม่ได้เป็นถึงสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันครับว่า การสังหารผู้นำประเทศของยุโรปอเมริกาที่ผ่านมา ก็ไม่องอาจเท่าอียิปต์ คราวที่ “อันวา ซาดัด” โดนขว้างระเบิดใส่ซึ่งๆ หน้ากลางงานพิธีสวนสนาม ตามด้วยห่ากระสุนอีกสองนาทีเต็มๆ ครับ ประเทศเกษตรกรรมด้วยกันอย่างเรา อย่างมากก็ขว้างขี้ ไม่อุกอาจอย่างนี้ แต่สิ่งนี้บอกถึงการไม่วางแผนซับซ้อน คือเปิดหน้าชกกันเลย อันผิดวิสัยผู้เจริญหน้าตัวเมียในระบอบประชาธิปไตยทั้งหลายแน่นอน แปลว่ายังไม่สมควรเป็นประชาธิปไตยเยี่ยงประเทศอุตสาหกรรมที่ชอบทำอะไรซับซ้อนครับ ฟิลิปปินส์จึงยิงอาควิโนที่บันไดเครื่องบินเพราะทำนาเป็นขั้นบันไดเหมือนประเทศเกษตรกรรมทั่วไปที่ไม่ชอบอะไรซับซ้อนเช่นกันครับ ทีมสังหารเคเนดี้เห็นแล้วอิจฉาสังคมเกษตรกรรมที่ไม่ต้องทำอะไรซับซ้อนวุ่นวาย อยากให้ฉันเลือกก็เอาตังค์มา แค่นั้นครับ ง่าย ทำไมแองโกลแซกซันจึงไม่เข้าใจเราบ้างเลยหนอ
ประเทศอุตสาหกรรมพวกนี้ยัดเยียดประชาธิปไตยให้ประเทศเกษตรกรรม เพื่อให้พวกเรากู้เงินพวกเขามาโกงกินกัน แล้วใช้หนี้ด้วยประเทศชาติกันเป็นแถว ที่ดุร้ายหน่อยก็กลายเป็นตลาดค้าอาวุธโดยทำสงครามกลางเมืองกัน ให้พรรครีพับลิกันร่ำรวยในฐานะเจ้าของบริษัทผลิตอาวุธเพื่อสงครามกลางเมืองทั่วโลก นี่แหละครับ ถ้าประชาชนของมันฉลาดและกล้า มันก็อาเปรียบประชาชนของมันไม่ได้ ต้องมาเอาเปรียบประเทศอื่นที่ประชาชนโง่และขี้ขลาดครับ เพราะพวกโง่ขี้ขลาดจะรบกันนานดี คนอเมริกันที่ใฝ่สันติก็ใช้วิธีเลือกพรรคเดโมแครต เพื่อไม่ให้ก่อสงครามในโลกที่สาม ปรากฏว่ามันยังมีคอมมิชชันสงครามครับ คลินตันทำคอปเตอร์ตกสองลำที่โซมาเลียก็รวยได้ครับ เพราะต้องซื้อคืนคลัง ก็รับค่าคอมมิชชันสบายไป เค้าดูแลกันดีระหว่างพรรคด้วยครับ
ประเทศที่รัฐบาลโง่และขี้เกียจเท่านั้นครับ ที่โกงประชาชนของตนเอง แต่ประชาชนต้องทำเป็นสมยอมด้วยนะครับ แม้ไม่เต็มใจก็เถอะ เช่น ยอมให้ทำน้ำท่วมหนีปฏิวัติ เพื่อโกงกินงบประมาณบรรเทาสาธารณภัย เราจึงเห็นรัฐมนตรีโง่ๆ ยืนร้องไห้ให้นายทุนสงสาร ที่ป้องกันนิคมอุตสาหกรรมไม่สำเร็จ ทั้งที่รับเงินมาหมดแล้ว เหล่านี้เป็นความจริงที่เราไม่พูดออกสื่อกันครับ มันทุเรศ เราพูดละเอียดกันบนเวทีเท่านั้นครับ ก็พี่มีคุณอาดูแลน้ำอยู่ มีหรือจะไม่รู้ว่าใครท้องร่วงเพราะกินน้ำเน่าเข้าไปบ้าง แต่จนวันนี้พวกแองโกลแซกซันก็ยังไม่เข้าใจนะครับว่า บริหารน้ำผิดพลาดแล้วทำไมรัฐบาลเรายังอยู่ ก็ธรรมเนียมมันต่างกันไงครับ ของพวกเขามองการลาออกเป็นการแสดงความรับผิดชอบ ของพวกเรามองว่าถ้าลาออกคือไม่รับผิดชอบ หนีหน้านี่หว่า เออ เอาสิครับ โง่แล้วดันภูมิใจอีก ใครจะทำไม
อะไรในบ้านนี้เมืองนี้ ตอนนี้ ที่พี่ตู้คิดว่าทุเรศที่สุดครับ?
สื่อครับ สื่อที่เอาตัวรอด คงกลัวอิทธิพลแหละ อันนี้พี่เข้าใจ แต่เขาก็สารภาพกับพี่ตรงๆ เลยนะครับ ผมต้องเลี้ยงดูครอบครัวครับ ทำแบบพี่ตู้ก็ตกงานสิครับ ผมไม่กว้างขวางอย่างพี่ตู้นี่ครับ ไม่ได้คุมเครือข่ายส่งยาบ้าข้ามประเทศ ไม่ได้เลี้ยงมือปืน ไม่ได้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวพี่ชัช เตาปูน ไม่ได้มีคุณอาเป็นรองนายกฯหนังเหนียวที่สุดในประวัติศาสตร์ พี่ก็ได้แค่ปลอบเขาไปว่าทุเรศ ห้ามบอกความจริงกับลูกนะ มันเจ็บปวดที่รู้ว่าพ่อขายศักดิ์ศรีเลี้ยงลูก ลูกจะน้อยใจถึงขนาดฆ่าแม่ได้ ไม่รู้เกี่ยวกันยังไง แต่ให้บอกลูกว่าเราเห็นชอบกับอุดมการณ์ของโจรที่มีอำนาจอยู่ พี่เห็นทุกคนพูดอย่างงี้ทั้งนั้นเลยครับ มันเท่กว่าไปยอมรับว่ากลัวโจร วันหนึ่งลูกจะเข้าใจเองครับว่าพ่อเหี้ย ก็คงอีกนาน ไม่ต้องกังวล เพราะลูกคงโง่ คิดเร็วไม่ได้ ก็ลูกฉลาดย่อมมาจากพ่อที่ฉลาดเท่านั้นนี่ครับ
เราจะไม่มีโอกาสเห็นรายการทีวีในยุโรปอเมริกาเป็นบันเทิงเหลือเกินแบบที่เราเป็นอยู่วันนี้ในยุคที่บ้านเมืองเขามีปัญหาเลยนะครับ ทุกสื่อจะเข้ามามีส่วนแก้ไขโดยตรงโดยอ้อมแล้วแต่ศักยภาพ แต่ไม่มีนิ่งเฉย ทำตัวรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางแดง เขาช่วยกันจนบ้านเมืองปลอดผู้สร้างปัญหาในที่สุดครับ ใครเอาตัวรอดจะถูกกีดกันออกจากสังคมหรือบอยคอต ซึ่งเป็นชื่อนายทหารเรืออังกฤษ (Charles Boycott) ที่ทำตัวลอยพ้นปัญหา เอาเปรียบผู้อื่น คือ ขี้ขลาดนั่นแหละครับ ชื่อของหมอนี่จึงกลายมาเป็นศัพท์ที่บ่งบอกถึงการปล่อยเกาะ เลิกคบเจ็ดชั่วโคตร แต่ในสังคมด้อยศักยภาพ ใครกล้าลุกขึ้นมาแก้ปัญหาคนแรกอาจโดนบอยคอตได้ครับ เพราะถือว่าผิดมารยาท ต้องลุกทีหลัง คนอื่นก็รอลุกทีหลังทั้งนั้น ทุกคนต้องลุกทีหลัง ห้ามมีใครลุกก่อน ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะให้เราทำยังไงถึงจะเป็นไปได้ โดยไม่ทุเรศนะครับ
เด็กวัดครับ เป็นอีกสิ่งที่ทุเรศมากในสังคมไทย พวกนี้อยู่ใกล้พระที่สุด แต่ไม่เคยปรามพระเลยเรื่องความประพฤติ รู้เห็นทุกอย่าง อะไรไม่ถูกต้องอย่าเพิกเฉย ต้องอัดพระครับ จ้างร้านที่ติดป้ายรับอัดพระมาก็ได้ สังคมเบื่อหน่ายเต็มทีกับพฤติกรรมพระที่ไม่เหมาะสม คิดเหรอครับว่าเด็กวัดไม่รู้เห็น ดูต้นทางให้ด้วยซ้ำนะพี่ว่า พระไม่ซื้อถุงยางเองแน่นอนอยู่แล้วครับ ไม่ถ่ายวิดีโอหรือภาพนิ่งเองแน่นอน เพราะไม่ว่าง พี่ว่าเด็กวัดร้องเพลงเชียร์ให้ด้วยแหละ เพื่อให้กลบเสียงพระ
รัฐธรรมนูญครับ เป็นสิ่งที่ทุเรศที่สุดในสังคมไทย คือพี่ว่าถ้าวุฒิภาวะไม่พอ ต้องเขียนกติกาข้อบังคับยาวขนาดนั้น ก็อย่ามีสภาเลยครับ นี่เหมือนเอานักโทษเดนตายมารวมกัน ประธานต้องถือค้อน จะบ้าเหรอครับ ให้ถือแส้ไปเลยมั้ยล่ะครับ เออ แต่พวกนี้ก็เคยใช้ “แซ่” กันมาก่อนทั้งนั้นนี่ครับ คงไม่กลัวแซ่กันแล้ว เราซิ่กลัวแซ่ ที่ถอยร่นมาจากอัลไตก็เพราะหนีแซ่นี่แหละครับ หนีไม่พ้นหรอกครับ ท้าดวลกันเลยดีกว่า ดวลหงอนไก่ คนจีนกลัวครับ เพราะมันทุเรศ เขาอาย
แล้วคลิป “นายพลถั่งเช่า” พี่ตู้คิดว่า “เจ็บปวด” หรือ “ทุเรศ” มากกว่ากันครับ?
อันนี้พี่ว่าน่าเอ็นดูมากกว่าครับ พี่ถือเป็นคำสารภาพของลูกผู้ชายเลยนะครับเนี่ย ว่าต้องใช้ตัวช่วยแล้ว ซึ่งในสังคมนักการเมืองเค้าไม่ถือนี่ครับ ก็เหมือนรัฐมนตรีช่วยนั่นแหละ แต่อาจเป็น ร.ม.ช.หญิง ให้ดูอ่อนหวาน จะได้เข้มแข็งขึ้น เอ๊ะ ยังไง?
คนระดับผู้นำจะให้เก่งไปทุกอย่างคงไม่ไหวหรอกครับ ต้องมีอาหารเสริมกล้วยบ้าง หมายถึงไวตามินจากผลไม้บ้าง ซึ่งเท่าที่พี่ทราบมา ตัวนี้เป็นที่นิยมเพราะไม่มีผลต่อตับครับ ไม่ทำให้ตับแข็ง มีผลต่ออย่างอื่นแทน กองทัพมองโกลให้ทหารกินทั้งกองทัพก่อนเข้าตีนะครับ เพื่อเพิ่มประชากร มาเพิ่มอะไรกันตอนนี้ แล้วจะตีทนครับ ตีได้ทั้งคืนทั้งวัน ไม่ต้องทุบหม้อเข้าตีแบบเมืองจันท์เลยครับ อันนี้ตีหม้อเข้าทุบครับ
บางครั้งการตีความเสียงในคลิปต้องรอบคอบนะครับ พี่ฟังคลิปแล้วเสียงขาดๆ หายๆ แต่จับความได้ว่า ท่านคงจะเอารถ “ถัง” ให้ “เช่า” ไปปฏิวัติ เพื่อปัดความรับผิดชอบมากกว่านะครับ ส่วนคำว่า “หำ” ก็คือรถ “ฮัมวี่” ของทหารครับ ส่วนคำว่า “จิ๋ม” คงหมายถึงจิ๋มของสตรีครับ
เรื่องข้าวเน่าล่ะครับพี่ตู้ เจ็บปวดและทุเรศไหม ในมุมไหนยังไงบ้าง?
กองทัพเดินด้วยท้องครับ รัฐจึงให้ความสำคัญเรื่องข้าวเป็นอันดับหนึ่ง เพราะโกงง่าย ปริมาณมันเยอะ ตรวจสอบยาก แต่ข้าวเป็นอินทรียสาร เป็นของเน่าเสียได้ มีอายุจำกัด จึงเป็นปัญหาครับ จะโทษรัฐบาลไม่ได้ ต้องโทษข้าวครับ เสียทำไม ถ้าข้าวไม่เสียก็ไม่มีปัญหา
จึงควรป้องกันข้าวไม่ให้เสีย โดยการเอามาดองก่อน ดองคือแช่อิ่ม เหมือนฝรั่งดอง จะอยู่ได้นาน พี่ว่าก็คงสั่งการไปอย่างนั้น แต่มันโง่ เข้าใจว่าให้เอามาดองไว้ คือเอามาเก็บลืม ยังดีที่มันไม่เข้าใจไปว่า เอามาดองกัน คือเป็นผัวเมียกัน ก็จะเกิดข้าวผสมพันธุ์ใหม่อีก ก็จะขายดี ข้าวไทยก็จะได้เป็นเจ้าโลก เมล็ดก็จะเท่าฮัมวี่ คนก็จะร่ำลือกันว่าข้าวไทยผสมถั่งเช่า ก็แห่กันมาซื้อครับ แม้จะทุเรศไปใหญ่แต่อาจมีผลดี คนจะเรียก “รัฐบาลเจ้าโลก” เท่ตายเลยครับ
พี่ตู้คิดว่า เราจะฝ่าข้ามความทุเรศนี้ไปได้อย่างไร และทำยังไง เราถึงจะไม่ต้องพบเจอกับ “ความเจ็บปวด” หรืออย่างน้อยๆ ก็เจ็บปวดกันน้อยลงกว่านี้บ้างครับ?
ไม่มีทางเลยครับ เพราะเราขี้ลืม เราไม่จำครับ เราจึงเจ็บซ้ำซาก เป็นข้อดีอย่างหนึ่งคือ ไม่เป็นทุกข์นานครับ แป๊บเดียวลืม คนที่มันต้องการทำให้เราเจ็บปวดซ้ำซากมันจะหมดแรงไปเองในที่สุดครับ เพราะเราไม่ยอมทุกข์ทรมานให้มันได้สะใจ มันฟังดูทุเรศ แต่เป็นทางเดียวที่เราจะชนะมันได้ครับ เราต้องเป็นเหมือนหินผา คือโง่ครับ มันคงจะยอมนะ หรือไง
สุดท้าย ถามถึงทอล์กโชว์บ้าง พี่ตู้มีหมัดเด็ดอะไรที่จะทำให้คนยอมเสียตังค์เข้าไปฟังทอล์กโชว์ของพี่ตู้ครั้งนี้ครับ?
ประเด็นกว้างๆ ที่พี่วางไว้ก็คือ ในการจัดโลกใหม่ New World Order คนไทยจะมีโอกาสเชิดหน้าชูตาเสมอประเทศมหาอำนาจหรือไม่ ในความเห็นสั้นๆ ตรงนี้ของพี่ก็คือ พวกเขาไม่เก็บพวกเราไว้ให้แย่งอาหารพวกเขาหรอกครับ ทั้งๆ ที่เราเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลกนะครับ พวกเขาจะติดสินบนรัฐบาลทั่วโลกให้ทำสงครามกลางเมืองทีละประเทศ เป็นการช่วยลดประชากรโลก หลังจากที่ล้มเหลวจากการปล่อยสารพัดไวรัส ซึ่งหลายไวรัสก็ย้อนกลับไปทำร้ายประชากรของประเทศผู้ปล่อย ในบางครั้ง สงครามกลางเมืองใช้เวลานานกว่าไวรัสในการจุดชนวน แต่ทำลายล้างได้มากกว่า และการขายอาวุธมีรายได้มากกว่าขายวัคซีน เพราะมีวัคซีนปลอมมาแย่งตลาดเยอะ แต่อาวุธปลอมไม่มีครับ หลายประเทศทำสงครามกลางเมืองตัวเองโดยไม่รู้เลยว่าอาวุธของทั้งสองฝ่าย ขายโดยนายหน้าคนเดียวกันด้วยซ้ำครับ
ละแวกบ้านเรา ญวน เขมร ลาว โดนมาก่อนเราแล้ว เราเดินตามตูดเค้าแท้ๆ ยังไม่รู้ตัวกันอีกครับจนป่านนี้ ความพยายามที่จะก่อสงครามกลางเมืองระหว่างนิกายของศาสนาดูเหมือนไม่ประสบผลสำเร็จทั้งฝั่งคริสเตียนและมุสลิม เมื่อจนตรอกเข้าจริงๆ ก็คงหันกลับมาเสี้ยมคนพุทธให้ฆ่ากันเองเหมือนสมัยสงครามอินโดจีนอีกครา เพียงแต่หนนี้ยากกว่าเพราะไทยมีประมุขที่ประชาชนเลื่อมใสรุนแรงมากครับ แถมประเทศมหาอำนาจผู้ก่อสงครามและค้าอาวุธเองก็เลื่อมใสในประมุขของเราด้วย จึงนำมาสู่การซื้อสงครามครับ คือต้องหาผู้บ้าอำนาจที่ยอมใช้เงินมหาศาลในการล้างศรัทธาประชาชนที่มีต่อประมุขให้จงได้ ซึ่งต้องโกงกินทุกรูปแบบ เพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยที่จะใช้ในการซื้อศรัทธาดังกล่าว เขาเชื่อว่าเขามาถึงครึ่งทางแล้วครับวันนี้
แต่ประวัติศาสตร์สอนสิ่งหนึ่ง ซึ่งผู้มีสติปัญญาย่อมหาเจอนอกตำราด้วยตัวเอง นั่นคือ โจรย่อมไม่มีสัจจะต่อกัน การหักหลังจึงเป็นเรื่องธรรมดา โจรจะไม่ทำร้ายโจรจนกว่ากระเป๋าโจรจะแฟบครับ แต่บางโจรจะโดนก่อนกระเป๋าแฟบ เพียงเพราะงกนั่นเองครับ และคนงกมักไม่ค่อยจะยอมเรียนรู้ประวัติศาสตร์โลกเสียด้วยสิครับ แปลกนะ
*** ทอล์กโชว์ “ความจริงที่เจ็บปวด แต่ทุเรศ” จะจัดแสดงในวันอาทิตย์ที่ ๒๘ ก.ค.นี้ เวลาบ่ายสองโมง ห้องคอนเวนชั่นไทยพีบีเอส บัตร ๑,๐๐๐ บาททุกที่นั่ง มีจำหน่ายที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ***