ยิงเต็มข้อ ล่อเต็มแข้ง “โทนคุง” นักพากย์กีฬา ฮาสุดติ่งกระดิ่งแมว!

ไม่ใช่นักพากย์แถวหน้า (เพราะสองแถวต้องตามไปเก็บ) ไม่ใช่นักพากย์ชื่อดัง (แต่เรียกเสียงฮาได้สนั่นทุกครั้ง) แต่วินาทีนี้เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก “โทนคุง” หรือ “พีระณัฐ จำปาเงิน” เจ้าของเสียงบรรยายสุดติ่งกระดิ่งแมวแห่งคลื่น Fm 99 แอ็คทีฟเรดิโอ

ว่ากันว่าเขาคือผู้ปฏิวัติ ผู้พลิกโฉมวงการ “นักพากย์” กีฬา…
บ้างก็ด่าไล่ให้เขาไปเล่นตลกดีกว่า…
และก็มีอีกจำนวนไม่น้อยที่ทั้งสถบทั้งชมในเวลาเดียวกัน…

ไม่มีใครรู้ว่า “ยิงเต็มข้อ ล่อเต็มแข้ง บอลพุ่งแรง ขี่พายุทะลุฟ้า” ข้างบนนั้นจะมีอะไรรออยู่ หรือ “ยิงจากแถวสอง ต้องนั่งสองแถวตามกันไปเก็บ” มันจะไกลแค่ไหน แต่ที่รู้ๆ ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงนี้ทุกคนต้องเงียบแล้วเงี่ยหูฟังเขา…เพราะโทนคุงชื่อนี้ดังเหลือเกิน!! เรื่องเกรียนๆ ฮาๆ 

นิกเนมโทนคุงนี่ได้มายังไงครับ
โทนมาจากชื่อเล่น ส่วนคุงได้มาเพราะตอนนั้นชอบเข้าเว็บญี่ปุ่นไง ชอบศิลปินญี่ปุ่น ชอบดูเว็บญี่ปุ่น ไม่ต้องบอกว่าเว็บอะไรนะ คือตอนนั้นรู้สึกว่าทำไมเราไม่เกิดเป็นคนญี่ปุ่นวะ คนญี่ปุ่นโคตรมีวินัย โคตรเจริญเลย แถมสาวก็แจ่ม ก็เลยเอามารวมกันตั้งเป็นโทนคุงแล้วกัน

คือคิดตีมแค่ว่าอยากให้มันแสดงความเป็นตัวตนของเรา อย่างเวลาไปคุยให้พ่อให้แม่หรือให้ใครฟัง เราอยากให้เขารู้ว่าเราเนี่ยเป็นคนเขียนเรื่องนี้นะ ครั้นจะใช้โทนอย่างเดียวมันก็ดูสั้นไป จะใช้อย่างอื่นก็กลัวว่าคนจะไม่รู้ว่าเราเป็นคนเขียนเรื่องนี้เอง เท่านั้นเอง เอาชื่อเล่นของตัวเองที่บ่งบอกความเป็นตัวตนบวกกับความชอบของตัวเอง

สำนวน “ยิงเต็มข้อ ล่อเต็มแข้ง บอลพุ่งแรงขี่พายุทะลุฟ้า” มันเริ่มขึ้นมาอย่างไรครับ
จริงๆ ผมพากย์อย่างนี้มานานแล้วครับ “ยิงเต็มข้อ ล่อเต็มแข้ง บอลพุ่งแรงขี่พายุทะลุฟ้า” “ยิงตรงรับกระฉอก ยิงออกปัดเข้า ลูกออกทำพุ่ง ลูกตุงทำมอง” ประมาณสัก 5-6 ปีได้แล้ว ถ้าเป็นแฟน Fm 99 จะได้ยินกัน แต่เพิ่งจะมาดังตอนบอลโลกนี่ล่ะ

คือมันเริ่มมาจากความเป็นตัวเรา ผมเป็นคนสนุก ตลก เป็นคนโปกฮาทะลึ่งทะเล้นอยู่แล้ว มันเป็นนิสัย แล้วก็ผมรู้สึกว่า เฮ้ย!! พากย์บอลทำไมต้องพากย์อย่างนี้ ใครเป็นคนบอก ใครเป็นคนเขียนว่า การพากย์บอลที่ดีต้องพากย์แบบนี้เท่านั้น ต้องพูดชื่อนักบอล ต้องวิเคราะห์เกมอยู่ตลอดเวลา วิทยุมันสามารถทำอะไรได้ตั้งเยอะ มันสามารถดิ้นได้ แล้วอีกอย่างบางแมตช์บางเกมมันน่าเบื่อ เราฟังยังรู้สึกเลย เพราะวิทยุมันไม่เหมือนทีวี ทีวีแม่งเห็นภาพ โอ้ว ไรอัน กิกส์ เดวิด เบ็กแฮม พอล สโคลส์ แค่พูดชื่อมันก็รู้แล้ว แต่วิทยุมันต้องใส่บรรยาย พอล สโคลส์ได้บอลอยู่ตรงกลางครับ ส่งให้ไรอัน กิกส์ที่อยู่ทางซ้าย มันต้องมีลูกเล่นมีมุกมีอะไรหน่อย

ผมก็เลยไปคุยกับคู่หูที่พากย์ด้วยกันตอนนั้น แล้วก็ผู้บริหาร เขาก็เอาด้วย เขาชอบ อันนี้ต้องขอขอบคุณพี่แป๊ะ-ยุทธพงศ์ วิชัยดิษฐ ที่เปิดโอกาสให้เราแสดงความสามารถตามที่คิดตามตัวตนได้เต็มที่ เพราะที่คลื่น Fm99 เป็นคลื่นเดียวที่รวบรวมดีเจปากจัดๆ ตลกๆ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว มันเป็นธรรมชาติของคลื่นนี้ ผู้บริหารเขาเข้าใจว่ากีฬามันเป็นเรื่องเอนเตอร์เทน เรื่องบันเทิง ฟังแล้วมันต้องสนุก ไม่ใช่ต้องโอ้ว…วิเคราะห์ หรือทำให้นักกีฬาเครียดกดดัน ไปต่อว่าโน่นนี่นั่นจนเกินงาม อย่างนั้นมันจะสนุกหรือ

ไม่ได้ทำให้อรรถรสเกมฟุตบอลเสียไปใช่ไหม
ไม่เลยยย…ไม่ได้ทำอะไรให้เสียเลยครับ ถ้าคุณไปดูเกมคุณจะรู้ว่ารูปแบบการพากย์มันจะมีเป็นหลัก 2 คนอยู่แล้ว คือพากย์หลักกับพากย์รอง ไอ้คนพากย์หลักคือคนบรรยายเกมว่าเกมเกิดอะไรขึ้น “ตอนนี้ครับเดวิด เบ็กแฮมได้บอลอยู่ทางขวา พอล สโคลส์รออยู่ตรงกลาง” ประมาณนี้ ส่วนตัวรองจะเป็นคนเสริมข้อมูล “เดวิด เบ็กแฮม ตอนนี้อายุ 35 ปี มีเมีย 1 คน ลูก 4 คน ถ้าเบ็กแฮมยิงลูกนี้ได้จะเป็นลูกที่ 88” อะไรอย่างนี้ อันนี้เป็นตามสูตร

แต่ว่าของผมพูดง่ายๆ คือผมเสริมพิเศษลงไปให้ ถ้าฟังดีๆ จะรู้ว่าข้อมูลครบถ้วนเพียงแต่ผมปรับเปลี่ยนวิธีการเล่าให้มันตลกขึ้น ใส่มุกใส่อะไรมันเข้าไป แต่เนื้อหาสาระเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าผมตะบี้ตะบันใส่แต่มุก “โอ้โห คุนโฮ ลี แต่ก่อนไม่ได้ชื่อนี้นะครับ พอยิงลูกนี้เป็นคุนลี โฮเลยครับ ยิงไซด์โป้งบอลไซด์โค้ง แหวกหญ้าผ่ามาลอยเข้าไปฟาด อคินเฟเยฟ เข้าประตู” คือเหตุการณ์ทุกอย่างครบถ้วน ไปดูได้เลย เกาหลียิงตอนไหน ใครได้ใบเหลืองใบแดง ใครทำอะไร เพียงแต่ว่าเปลี่ยนวิธีการเล่าให้มันมีสีสัน มันไม่ได้ทำให้เสียแมตช์เสียเกมเลยนะ ไม่ใช่เลยผมว่า

แล้ว… “อ่านชื่อนักแตะไม่ทันไม่อ่านแล้วโว้ย” ล่ะ
มันเป็นมุก ถามว่าเราพากย์ทันมั้ย…ทัน เพราะผมพากย์บอลกัลโช่ อิตาลี ผมต้องเจอไอ้นักเตะกรีซมาไม่รู้กี่คนแล้ว เพียงแต่ผมต้องการให้มันเป็นมุก จริงๆ อ่ะ ไอ้ โซคราติสปาปัสตาโทปุลอส นี่ผมก็พูดได้ ชื่อมันติดปาก จะเรียกโซคราติสเฉยๆ ก็ได้ แต่ผมต้องการให้มันกวนตีน ผมก็เลย โอ๊ย ชื่อแม่งมันยาวโว้ย บอลไปโน่นแล้ว

คือผมตั้งใจที่จะหาจุด เรารู้ว่าเราทำอะไรบ้าง เราทำการบ้านมาก่อน อย่างคืนนี้เราจะพากย์คู่ไหนบ้าง มันมีจุดเล่นอะไร อย่างวันที่พีคสุดๆ คู่เกาหลีใต้กับรัสเซียอ่ะ เพราะชื่อนักแตะเกาหลีใต้มันโคตรอวยเลย มันโคตรเข้าทุกทาง เรารู้อยู่แล้วก็เลยจัดไป กุ๊กๆๆๆ มึงเอ๊ยมันกูแน่ อะไรอย่างนี้

มีแป้กบ้างไหม
มีครับ มีบ้าง ปล่อยไป 100 มุก มันต้องมีเข้าบ้างไม่เข้าบ้างอ่ะ แม้แต่พี่หม่ำ จ๊กมก เขาก็ไม่ได้ฮาทุกช็อตหรอกผมว่า คือคนมันจะไปฮาทุกช็อตก็ไม่ได้ มันก็ต้องมีทั้งช็อตฮาและไม่ฮา พอไม่ฮาก็แก้แล้วมันมาฮาตรงที่มันไม่ฮานี่แหละ “ไม่น่าเลยครับ ขอประทานอภัยคุณผู้ฟังจริงๆ ครับ เสียหูหมด” ฮาตรงมาแก้ตัว โอ้โห ไม่น่าเล่นเลยครับ ผมตบปากตัวเองก่อนครับ แปะๆๆ ตบปากตัวเองกลางรายการอย่างนี้ บางทีมันฮาตรงที่มันไม่ได้ฮาตรงมุกที่เล่นไป

แต่บางคนเขานึกว่าเราข้อมูลไม่มากพอ ก็เลยตลกไปเรื่อย
จริงๆ จังๆ ผมก็พากย์ได้ เพียงแต่ว่าเราอยู่ตรงเวทีไหน เวทีนี้เขาอยากให้เราเล่นแบบไหน เราก็เล่นแบบนั้น คือคนเราอย่าไปคิดว่าตัวตนเราเป็นแบบนี้แล้ว เราต้องเป็นแบบนี้ อย่างผมไปพากย์ที่ทรูวิชั่นส์ คุณไปดูสิ โคตรทางการเลย ผมงี้คันปากยิบๆ บางคนคอมเมนต์มาบอก “พี่โทนพอมาพากย์ทีวีแล้วไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เกร็ง” เราก็…เออ…ถ้าลองกูเป็นตัวของตัวเอง กูโดนโพสต์ด่า มึงมาช่วยตอบด้วยนะ เดี๋ยวออกให้ “ยิงเข้ารับกระฉอก ยิงออกปัดเข้า” เนี่ย (หัวเราะ)

คือสำหรับผม ถ้าเปรียบการพากย์บอลมันก็เหมือนเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวนั่นแหละ ก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวไก่ ใครๆ ก็หาทานได้ แต่ผมเผอิญขายก๋วยเตี๋ยวห่าน ก็มีคนบอกบ้าหรือเปล่า มึงไปขายอะไรก๋วยเตี๋ยวห่าน บางคนก็บอกว่าเออดี กูอยากลองมานานแล้วก๋วยเตี๋ยวห่าน คือผมเป็นทางเลือกใหม่ ต้องการเป็นทางเลือกใหม่ ถ้าชอบก็ฟัง ไม่ชอบก็ไม่ต้องฟัง สไตล์ผมเป็นอย่างนี้ ผมต้องการให้มันเป็นตัวตนของผม

ไม่ซีเรียสกับเรื่องคำด่า คำวิจารณ์
ไม่ครับ ทุกคนเขามีสิทธิ์มีเสียงที่จะวิจารณ์ เราก็รับฟังบ้าง แต่บางทีอันไหนที่มันเกรียนๆ เราก็ไม่ต้องไปสนใจแค่นั้นเอง มันเป็นเพียงแค่คอมเมนต์ ชั่วโมงนั้นจังหวะนั้น ใครจะพูดอะไรก็พูดได้ ผมปวารณาตัวเองว่าผมคือ “ประธานนักเกรียนแห่ง Fm 99” ดังนั้น ไอ้คนที่ส่งมาเกรียนกับเรา เราต้องยอมรับว่ามันก็คือพวกเกรียนเหมือนเรา มันคือเรา เราคือมัน คุณไม่มีทางทำให้คนทั้ง 100 คนชอบคุณได้หรอก แต่สิ่งที่ผมเช็กก็คือว่า แล้วอีก 70 คน 80 คน เขาโอเคไหม ถ้าเกิน 60 คน เขาโอเค ผมก็จะทำแบบนี้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คน 60 คนบอกว่าไม่เอาด้วย ผมก็คงไม่ทำ และคลื่นเขาก็คงไม่ปล่อยให้ผมทำอะไรอย่างนี้หรอก

ชีวิตเราต้องไปอยู่กับลมปากคนส่วนน้อยหรือเปล่า ผมไปฆ่าคนตายเหรอ ผมทำมาหากินสุจริต แล้วผมสร้างความสุขให้กับคน คนหมู่มากด้วย คุณไปดูคอมเมนต์ส่วนใหญ่ แบบที่ชอบกับไม่ชอบรวมเป็นอย่างไร ชอบกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่ชอบกี่เปอร์เซ็นต์ ผมก็ทำตามที่คนเขาชอบ คือไอ้คนส่วนน้อยมันเป็นพวกเสียบอลแล้วพาลบ้าง ไม่ก็พวกอนุรักษนิยม หรือโลกนี้ต้องมีอยู่เท่านี้ โลกนี้มันจะไม่สามารถมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ ได้ เคยแดกก๋วยเตี๋ยวไก่ยังไง ก็จะกินก๋วยเตี๋ยวไก่ อีก 100 ปีก็ต้องขายก๋วยเตี๋ยวไก่

ทั้งโดนด่า โดนไล่ไปเล่นตลก โดนโน่นนี่นั่น เคยท้อบ้างไหม
กว่าจะมีวันนี้ได้นี่ ผมผ่านอะไรมาเยอะ ผมไม่สนใจไอ้คนบางคนที่ว่าผมหรอก ผมเจ็บมาเยอะ แล้วสิ่งที่ผมทำ ผมตั้งใจทำนำเสนอสิ่งดีๆ ให้กับวงการเกมกีฬาบ้านเรา ผมมีจิตตั้งใจที่จะทำมัน แล้วผมก็ไม่ละอาย เพราะสิ่งที่ผมทำส่วนใหญ่ ชอบ ไม่ใช่ไม่ชอบ ไม่งั้นคลิปนั้นไม่ดังหรอก ทั้งที่มันดังใน Fm 99 มานานแล้ว ไอ้เรื่องการพากย์ของผม

อีกอย่าง คนในวงการก็ยอมรับผม ผมคยไปเจอพี่แอ๊ดดี้- วีรศักดิ์ นิลกลัด ไปเจอพี่เดื่อ-ธีรพัฒน์ อัครเศรณี ตอนที่ผมไปพากย์ช่องทรู เขาก็เดินมาบอกผมเลยนะว่า “เอ็งต้องทำอย่างนี้นะ อย่าเปลี่ยนสไตล์ เพราะว่ามันไม่มีใครแล้วมีเอ็งอยู่ตัวเดียว การพากย์แบบปกติมันหาฟังที่ไหนก็ได้ แต่การพากย์แบบนี้มีเอ็งคนเดียว” คือมันเป็นอัตลักษณ์ แล้วมันมีเสียงสะท้อนจากระดับรุ่นใหญ่ในวงการ ยิ่งเพิ่มความเชื่อมันว่าผมเดินมาถูกทางแล้ว (หัวเราะ) ก็เลยทำมาเรื่อยๆ แม้ว่ามันเพิ่งมาพีคช่วงนี้ ผมก็ขอบคุณไอ้คนที่ตัดคลิปไปแชร์

เราจะคงยึดแนวทางวิถีขี่พายุทะลุฟ้านี้ต่อไป
ครับ ถ้าในวิทยุมีเรื่อยๆ อยู่แล้วครับ ก็เป็นตัวของตัวเองนี่แหละ เพราะทำอย่างนี้มา 5 ปีแล้ว มันเปลี่ยนไม่ได้หรอกครับ มันเป็นสันดานไปแล้ว อีกอย่างผู้บริหารเขาก็แฮปปี้กับการที่เราเป็นอย่างนี้ด้วย แต่ถ้าทางทีวีก็คงแค่รอโอกาส ในความคิดผม ผมคิดว่าต้องลองทำ แต่ไม่มีที่ไหนมาบอกผมให้เอาอย่างนี้

เรียกว่าเกรียนอย่างรู้กาละ และบ้าอย่างมีสาระ
อย่างที่ผมบอก คือเกรียนก็ต้องถามคนอื่นก่อนว่า เขาให้เราเกรียนไหมที่ตรงนี้ เพราะมันก็คืองานครับผม

ยกให้เราคือเจ้าพ่อเกรียนเลยได้ใช้ไหม
อย่าใช้คำนั้นดีกว่า เดี๋ยวคนจะหมั่นไส้ (หัวเราะ) แค่นี้ก็หมั่นไส้กันเยอะแล้วมั้ง เอาเป็นว่าผมก็กำหนดให้ตัวเองเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่ถูกใจใครก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนที่ถูกใจคนส่วนใหญ่ก็ขอขอบคุณที่ชื่นชม

ผมก็จะตั้งใจทำให้ดีที่สุด ให้คุณดูบอลแล้วมีความสุข ให้คุณเสพกีฬาอย่างมีความสุข อย่าไปเครียดกับการดูกีฬา เราดูเพื่อความบันเทิง บางทีเราไปซีเรียสกับกีฬามากไป เน้นผลมากไปก็จะทำให้เราเครียด เรามาดูชีวิตคน มันมีเรื่องเครียดเยอะแล้ว ถ้ามาดูกีฬาแล้วมาเครียดด้วยผมว่าคงแปลกๆ อ่ะ เราดูกีฬา เราก็มาดูเพื่อคลายเครียด ใช่ป่ะล่ะ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<< เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : เฟซบุ๊ก โทนคุง พีระณัฐ
อัปเดตหลากหลายเรื่องราวข่าวสาร สาระบันเทิงได้ที่แฟนเพจ mars magazine

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE