จะเป็นอย่างไร ถ้าคุณถูกคนอื่นมองเห็นในสิ่งที่คุณไม่ได้เป็น?
ชายคนนั้นเดินเข้าห้องน้ำกลางห้างหรู รูปหล่อคมสัน มีกล้ามเป็นมัดๆ เขากำลังเปิดก๊อกล้างหน้าเพื่อขับไล่ความเหนื่อยล้าให้ออกจากร่าง แล้วอยู่ๆ ก็มีใครบางคนเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำห้องหนึ่งที่ปิดสนิทอยู่เมื่อครู่ ทุกสิ่งรอบกายพลันหยุดชะงักทันที — เขาไม่ได้ตกใจ แต่ใครคนนั้นตกใจไปแล้ว — หญิงสาวหน้าตาดีทำหน้าเลิ่กลั่ก รวบรวมความกล้าชั่วอึดใจ ก่อนจะพูดออกไปในทำนองที่ว่า
“ห้องน้ำชายอยู่อีกฝั่งค่ะ”
(กรุณาอย่าเพิ่งขำ)
เขาหันมามองหน้าเธอ ก่อนยิ้มอย่างมีไมตรี และตัดสินใจตอบกลับออกไปอย่างสุภาพ
“เป็นผู้หญิงเหมือนกันค่ะ”
!!!
โลกคล้ายหยุดหมุนตรงนั้น ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนจะโพล่งหัวเราะออกมา แล้วหันหลังกลับไปสู่ชีวิตจริงของตัวเอง
นี่ไม่ใช่พล็อตของละครประเภทสลับร่างสร้างรักแต่อย่างใด
เพราะชายคนที่เรากำลังพูดถึง เขามีตัวตนอยู่จริงๆ และหากจะกล่าวใหม่ให้ถูกต้องสักหน่อย เราคงต้องบอกว่า ‘เธอเป็นผู้หญิง’ ต่างหากล่ะ
ส้ม-พัชรี อนันต์ทวีรัชต์ เป็นผู้หญิง (กรุณาเหลือบสายตาไปมองภาพถ่ายของเธอสักนิดแล้วค่อยกลับมาอ่านต่อ) เธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่าง หน้าตา และมัดกล้ามที่สามารถเรียกได้ว่า สมชายยิ่งกว่าผู้ชายแท้ๆ เสียอีก ไม่ใช่ผู้ชายข้ามเพศที่ผ่านการผ่าตัดแปลงเพศ หรือเทกฮอร์โมนจนมีหนวดเคราขึ้นปกคลุมใบหน้า แต่สิ่งที่คุณได้เห็นตรงหน้า ก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หากเห็นกันเพียงผ่านๆ หรือแม้กระทั่งเพ่งจ้องโดยไม่ต้องเปิดปากพูดคุยกันจนได้ยินเสียงหวานๆ ของเธอ เธอคนนั้นก็คือผู้ชายดีๆ นี่เอง
“ส้มรู้สึกเหมือนเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง แต่ความจริงแล้วส้มก็คือผู้หญิงถูกไหมคะ อย่างเวลาเดินเข้าห้องน้ำหญิง แล้วผู้หญิงตกใจ ส้มจะยกมือไหว้ก่อนเลยแล้วบอกว่า ‘เป็นผู้หญิงเหมือนกันค่ะ’ หนึ่ง-เรามองตัวเองว่าเราแปลก เพราะผู้หญิงทั่วไปเขาไม่มีกล้ามกัน แต่เราก็มองว่ามันเป็นความน่ารักด้วย เวลาส้มพูดว่า ‘เป็นผู้หญิงค่ะ’ แล้วเขายิ้มกว้างๆ ให้ส้ม มันน่ารักนะ ไม่ได้มองเป็นปัญหาอะไร”
หลังจากโดนคนรู้จักนำรูปการออกกำลังกายบางส่วนไปโพสต์ในเว็บไซต์ Twitter จนติดอันดับต้นๆ ของการ Retweet ยอดนิยมซึ่งจัดอันดับโดยเว็บไซต์ Thai Top RT ชื่อของ ส้ม-พัชรี อนันต์ทวีรัชต์ ก็กลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายโดยทันที เสน่ห์จากหน้าตาอันหล่อเหลา บวกกับมัดกล้ามเนื้ออันแข็งแรง ทำให้เธอกลายเป็นขวัญใจของคนทุกเพศได้ไม่ยาก ผู้หญิงด้วยกันกรี๊ดกร๊าด หรือแม้กระทั่งผู้ชายที่มีรสนิยมรักชอบเพศเดียวกันเอง ก็ยังถึงขั้นคลั่งไคล้อย่างหัวปักหัวปำ จนต้องพิมพ์แสดงความคิดเห็นออกมาในทำนองที่ว่า 'อยากมีคนรักเป็นน้องส้ม' กันเลยทีเดียว — และนี่ดูเหมือนจะเป็นโอกาสอันดี ที่เปิดประตูไว้รอท่า ให้สาวเท่ผู้มีอาชีพ ‘ดูแลศิลปิน’ คนนี้ ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในแสงสปอตไลต์เสียเองไปโดยปริยาย
“จริงๆ ตั้งแต่เด็กจนโตมา ส้มจะขี้อายมาก ไม่ชอบอยู่ในที่คนเยอะๆ โซเชียลมีเดียก็ไม่ได้เล่นนะตอนแรก เพิ่งเล่น Instagram ตอนหลังๆ แล้ว แต่พอมีกระแสมาปุ๊บ พี่ชายที่เขาทำงานเป็นผู้ดูแลศิลปินเหมือนกัน เขาก็บอกว่า เฮ้ย ส้มมีโอกาสแล้วนะ ประกวดเวทีอะไรให้พี่สักเวทีได้ไหม แก่แล้วนะ สามสิบแล้วนะ คือเขาอยากให้เราลองเข้ามาตรงนี้นานแล้ว…”
และถึงตรงนี้ เมื่อได้พูดคุยกันจริงๆ จังๆ ต่อหน้า มันก็คงไม่น่าแปลกแต่อย่างใด ถ้าตัวเต็งในการเข้าประกวดเวทีสาวหล่ออย่าง Mr. @tom act 2014 ที่มีส้ม พัชรี ร่วมเข้าประกวดในปีนี้ จะมีชื่อของเธอรวมอยู่ด้วย!
กล้ามนี้ได้มาเพราะ ‘โรค’ ช่วย
ย้ำกันอีกสักครั้งว่า หากมองเพียงผิวเผิน และบอกกล่าวกันโต้งๆ ว่า คำนำหน้าในบัตรประชาชนของส้ม พัชรี คือ ‘นางสาว’ มันคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้คุณคิดว่าเธอคือผู้ชายข้ามเพศ ผู้ผ่านการผ่าตัดแปลงเพศ หรือเทกฮอร์โมนมาแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย — แต่ไม่! ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะหากนั่งลงพูดคุยกัน แม้ส้มจะมีรสนิยมรักชอบเพศเดียวกันอย่างไร เธอก็จะพูดออกมาอย่างไม่ลังเลเลยว่า เธอไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือจะเป็นผู้ชาย หรืออยากลงสนามแข่งขันในกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายเลยด้วยซ้ำ
“ตั้งแต่โตมา ส้มก็ชอบผู้หญิงแล้ว แต่งตัวก็เสื้อยืดกางเกงบอล แต่งเป็นผู้หญิงมากที่สุดก็คือใส่กระโปรงนักเรียนตอนเรียนหนังสือ เพราะเราโตมากับพี่ชาย ไลฟ์สไตล์เขาเป็นอย่างไร เราก็เหมือนเป็นเพื่อนเล่นเขา จะให้เราไปเล่นขายของก็คงไม่ใช่มั้งคะ ส่วนใหญ่จะเป็นอะไรที่ผจญภัย แล้วจะชอบโดนล้อว่าเป็นตุ๊ดด้วย (หัวเราะ) แต่ต้องบอกว่าส้มไม่เคยคิดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้ชายเลย เวลาส้มมีเพื่อนผู้ชาย ส้มก็พูดคะขาใส่เขานะ ไม่เคยคิดว่าจะต้องแข่งขันอะไร คือเอาจริงๆ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะต้องจีบผู้หญิง”
แล้วกล้ามเนื้อที่มีอยู่ทั่วตัวยิ่งกว่าผู้ชายแท้ๆ นั้นได้มาอย่างไร? มันน่าจะเกิดขึ้นจากความพยายามอยากมีรูปร่างให้เหมือนผู้ชายไม่ใช่หรือ?
หากอยากรู้ เราคงต้องนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านี้สักเล็กน้อย
“จริงๆ เรื่องกล้าม มันมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ส้มป่วย คือต้องบอกว่าไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการป่วยอีกแล้ว ทุกคนถ้าไม่แตะคำว่าทรมานที่เกิดจากการเจ็บป่วย มันไม่รู้หรอกว่าสุขภาพสำคัญแค่ไหน — ตอนนั้นส้มป่วยเป็นโรคต่อมน้ำเหลืองติดเชื้อ หลังจากรักษา ก็เลยหันมาเล่นเวตต่อเนื่องมาห้าหกปีแล้ว ตอนแรกเล่นแบบธรรมดา แต่พอมันมีกระแสขึ้นมา และส้มได้มาลงประกวด Mr. @tom act ด้วย ก็เลยต้องเล่นให้หนักขึ้น คือส้มรู้ตัวว่าไม่มีความสามารถอะไร เต้นก็ไม่ได้ ร้องเพลงก็ไม่ดี ก็เลยคิดว่าเอาร่างกายนี่แหละ พี่ชายเลยบอกให้เราเล่นแบบ build body (เพาะกาย) เล่นน้ำหนักที่หนักขึ้น บวกกินอาหารเพิ่มมื้อขึ้น (วันละ 6 มื้อ!) มันก็เลยออกมาเป็นกล้ามเนื้อที่ชัดเจน”
แน่นอน ในแวดวงสาวหล่อด้วยกัน หากวัดกันที่มัดกล้าม เธอคงไม่มีวันแพ้ใคร แต่เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ในเมื่อเธอรักชอบผู้หญิงด้วยกันแล้ว จะไม่มีสักครั้งเชียวหรือที่เธอคิดอยากจะไป ‘ผ่าตัดแปลงเพศ’ ให้กลายเป็นผู้ชายขึ้นมาจริงๆ เสียเลย
“ไม่เคยคิดเลย คือความสุขที่สุดในชีวิตของเรามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ความสุขในชีวิตของเราคือการได้ทำอะไรที่อยากทำ ได้อยู่กับคนที่อยากอยู่มากกว่า ทุกวันนี้ส้มภูมิใจในความเป็นธรรมชาติของส้มมาก คือแฮปปี้ลงตัวทุกอย่าง ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่างส้มเนี่ยทุกอย่างธรรมชาติหมด เคยมีคนถามว่าอยากเทกฮอร์โมนให้ผิวกร้านไหม เราก็บอกว่าไม่ คือเราอยู่อย่างนี้ เราภูมิใจในธรรมชาติของเรา หมายถึงเราเป็นอย่างนี้ เราก็อยากมีร่างกายแบบที่เราอยากมีได้ มันอยู่ที่วินัย อยู่ที่ความขยันของเรา มันอาจจะยากหน่อย แต่ถ้าเราทำอะไรที่เป็นธรรมชาติ มันก็จะไม่มีผลเสียกับร่างกาย เช่น เรื่องสารตกค้าง อย่างเวลาคุณเป็นโรค ต่อให้ได้ยาดีขนาดไหน แต่ร่างกายคุณไม่ดี ใช้ชีวิตเหมือนทิ้งไปวันๆ มันก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก”
จงมองสิ่งที่ทำ มากกว่าสิ่งที่เป็น
แม้จะยืนยันว่าคงไม่มีวันไปผ่าตัดแปลงเพศ แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตของส้ม พัชรีไปเสียแล้ว ที่เธอจะโดนใครต่อใครเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชายทั้งแท่งอยู่ตลอดเวลา
“ตอนแรกคนส่วนใหญ่ที่เห็นรูป เขาจะไม่รู้ว่าเราเป็นผู้หญิง อย่างพี่พจน์ อานนท์ (ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง) ที่เขาติดตามมานานมาก ก็เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเราเป็นผู้หญิง”
เธอเล่าให้ฟังอย่างมีอารมณ์ขัน แถมแอบกระซิบอีกว่า คนที่เข้ามาจีบเธอส่วนใหญ่นั้น จะมีอัตราส่วนเป็นผู้ชายประเภทรักชอบผู้ชายด้วยกัน มากกว่าจะเป็นกลุ่มหญิงรักหญิงเสียอีก โดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่เคยเอะใจเลยว่า ส้ม พัชรีคือสาวหล่อที่มีรสนิยมชอบพอเพศเดียวกัน จนกว่าจะมีใครสักคนกล้าเดินเข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์ หรือลองเปิดปากพูดคุยกันนั่นล่ะ
“ส้มมีมุมมองที่ดีต่อคนเพศที่สามนะคะ อย่างแรก เอาประสบการณ์ตรงก่อน คือจะมีพี่ๆ ที่เป็นเกย์เข้ามาขอเบอร์ มีเยอะมาก แต่ส้มมองว่าพวกเขาน่ารักสำหรับสังคมไทยนะ อันนี้ไม่ใช่เพราะว่าส้มเป็นแบบนี้แล้วจะเข้าข้างเพศเดียวกันนะ แต่หมายถึงว่าคนที่เป็นเพศที่สามเขาสร้างสรรค์อะไรให้แก่สังคมเยอะมาก บางทีเขาอาจไปเก่งระดับประเทศ หรือระดับโลกเลยก็มี ส้มมองว่ามันไม่เกี่ยวหรอกว่าคุณเป็นเพศไหน มันขึ้นอยู่กับว่าทัศนคติคุณเป็นอย่างไร คุณเลือกทำอะไร แล้วเดือดร้อนใครหรือไม่มากกว่า อย่างส้มเป็นผู้ดูแลดารา ส้มจะมองเห็นว่าเบื้องหลัง พี่ๆ ช่างแต่งหน้าที่เป็นเพศที่สามนั่นล่ะ ที่เขาเป็นผู้ทำให้ดาราออกมาหล่อ ออกมาสวย ออกมาดูดี เพราะฉะนั้นส้มอยากให้มองที่ผลของงาน หรือทัศนะของเขามากกว่า”
นั่นล่ะ ไม่ว่าคุณจะมีสถานะทางเพศเป็นอย่างไร ถึงที่สุดแล้ว คุณค่าของการมีชีวิตก็วัดกันที่ ‘สิ่งที่ทำ มากกว่าสิ่งที่เป็น’ และสำหรับส้มแล้วนั้น เธอก็นับว่าโชคดีอยู่ไม่น้อย ที่มีครอบครัวและคนรอบข้างเฝ้ามองเธอด้วยทัศนคติเช่นนี้มาโดยตลอด
“ถ้ามองไปในสังคมไทย ดูเหมือนตอนนี้จะค่อนข้างเปิดกว้างกับประเด็นเพศที่สามมากขึ้น แต่ถ้าให้ส้มมอง ส้มมองว่าถ้าส้มทำตัวกร่างไปวันๆ ไม่รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง เกกมะเหรกเกเร ติดยาเสพติด ไม่ว่าเราจะเป็นเพศไหน ก็คงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนรับได้หรอก คือผู้ใหญ่บางคนอาจยังรับไม่ได้กับเรื่องเพศที่สาม แต่ถ้าคุณเลือกที่จะเป็น เลือกที่จะดี ก็คงไม่มีผู้ใหญ่ที่ไหนเกลียดหรอกค่ะ”
เพราะสิ่งที่เป็นกับสิ่งที่เห็น อาจไม่เหมือนกัน
ยอมรับว่าตัวเองเป็น ‘ทอม’ แต่เลือกจะพูดจาลงท้ายด้วยคำว่า ‘ค่ะ’ หรือ ‘คะ’ ไม่ใช่ ‘ฮะ’ หรือ ‘ครับ’ ตามทำเนียมปฏิบัติของหญิงรักหญิง โดยบอกว่านั่นคือ “ธรรมชาติที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง” รูปหล่อมาดแมน แต่ไม่เคยเอาตัวเองไปเทียบกับผู้ชาย ทว่าเลือกจะปล่อยให้ความเป็น ‘ลูกผู้ชาย’ แสดงออกมาผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด แถมยังมีมุมหวานๆ เช่น การเปิดร้านทำขนมภายใต้แบรนด์ Cookie Miya ซึ่งเกิดขึ้นมาจากความคิดง่ายๆ ว่าอยากทำขนมแจกจ่ายเป็นของขวัญปีใหม่ จนถึงวันนี้ ที่เธอคาดหวังจะทำมันไปอีกยาวนาน แต่ก็ยังมองมันแบบ ‘วันต่อวัน’ โดยบอกว่าจะทำไปตราบเท่าที่อายุของแบรนด์ร้านขนมแห่งนี้พอจะยืนหยัดอยู่ได้ และนี่เอง ที่ดูเหมือนจะเป็นแนวคิดที่เธอใช้มองชีวิตมาโดยตลอด เพื่อจะได้สามารถโฟกัสกับปัจจุบันได้อย่างเต็มที่
“ถามว่าส้มมองปลายทางของมันไหม ก็คงมองแค่ว่า ทำไปก็ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ไม่เคยไปกำหนดว่ามันต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ เพราะมันจะเครียด มองแค่วันนี้ ทำดีที่สุดแค่ตรงนี้ ถ้า ณ วันนี้คุณทำได้ดี แล้วอนาคตมันจะไม่ดีได้ไง ส้มก็เต็มที่กับทุกวัน กับทุกงานที่ส้มทำ ส้มจะไม่คาดหวังว่าอนาคตมันจะต้องเป็นแบบไหน คือจะไม่คิดให้มันเครียด เพราะว่าชีวิตมันไม่แน่ไม่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้”
อ่านมาถึงตรงนี้ คงปฏิเสธไม่ได้กระมังว่า ส้ม พัชรีเป็นคนที่น่าสนใจทีเดียว แล้วอยากรู้ไหมละว่า มุมมองความรักของสาวหล่อคนนี้จะเป็นอย่างไร
จะช้าอยู่ไย เธอพร้อมจะเฉลยให้เราได้ฟังแล้ว
“สำหรับส้ม ส้มมองว่าความรักมันไม่มีเพศ ส้มรู้สึกว่าไม่ว่าใครก็ตาม นอกเหนือจากความถูกใจ หรือความรักแล้ว เขาก็ยังต้องการความอุ่นใจด้วย ส้มไม่สนใจคำนิยาม เรียกได้นะคะว่าส้มเป็นทอม ส้มไม่โกรธ จะเรียกอะไรก็เรียกเถอะ — แล้วอาจจะมีคนมองผู้หญิงที่ไปชอบทอมว่า เฮ้ย ทำไมไปชอบทอม ฝืนธรรมชาติ แต่บางทีนะ การที่เขาสามารถจับต้องอะไรได้ หรือการที่เขารู้สึกอุ่นใจกับใครคนหนึ่ง ส้มคิดว่ามันอาจจะอยู่นอกเหนือกว่าธรรมชาติที่ควรเป็น หรือเรื่องเพศเสียอีก ส้มจะมองว่าไม่ว่าจะเป็นอะไร ทุกคนก็คือหนึ่งชีวิต มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะข้ามเพศหรือจะผิดเพศ สิ่งที่ทุกคนต้องการมันก็คือความรัก แล้วนอกเหนือจากความรักมันก็คือความอุ่นใจ”
และความอุ่นใจสำหรับเธอนั้น มันก็ต้องออกมาจากความเป็นตัวเอง แสดงผ่านออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การสร้างภาพลักษณ์ขึ้นมาเพียงชั่วครั้งชั่วคราว จนสุดท้าย เมื่อทนไม่ได้ ทนไม่ไหว ก็หันหลังหนีหน้ากันไป บางครั้งบางคราวถึงขนาดเกลียดกันก็มี เพราะสำหรับคนที่มีอาชีพต้องอยู่กับการดูแลดารา หรือศิลปินทุกวันแล้ว เธอรู้ดีว่าธรรมชาติที่แสดงออกมาจากภายในนั้นสำคัญแค่ไหน และเธอก็ยืนยันว่า สำหรับการใช้ชีวิตของใครคนหนึ่ง สิ่งที่คุณเป็น กับสิ่งที่อยากให้คนอื่นเห็น ควรจะเหมือนกัน เพราะมันจะทำให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปได้อย่างยาวนาน
“สำหรับส้ม ส้มเป็นคนที่ภูมิใจในธรรมชาติมาก เพราะฉะนั้นเราจะรู้สึกว่า อะไรที่เป็นตัวเองน่ะ จะอยู่ได้ยาวมาก และอยู่ได้นานมาก การเป็นตัวของตัวเองมันจะไม่มีวันไหวเอนไปตามกระแส เพราะฉะนั้นมันจะไม่ดับไป ถ้าคุณเป็นตัวเอง แต่ต้องเน้นว่า ในทางที่ดีด้วยนะ”
เรื่อง : ฆนาธร ขาวสนิท
ภาพ : พาณุวัฒน์ เงินพจน์