“หญิงมองว่าคำว่าโป๊คือ การอยู่ดีๆ คุณลุกขึ้นมาถอดโดยไม่มีเหตุผล แต่จันดารามีเหตุผลที่ต้องถอดเสื้อผ้า“
“หญิง-รฐา โพธิ์งาม” ในโมงยามนี้ ต้องบอกว่าเป็นนาทีทองของเธอ ซึ่งถ้าจะไล่เรียงกันจริงๆ ก็คงตั้งแต่เปิดตัวในฐานะนักแสดงหลักของภาพยนตร์อื้อฉาวแห่งปี เรื่อง “จัน ดารา” กับบทคุณบุญเลื่อง นอกจากนั้นยังมีงานละครเวทีอีโรติกฟอร์มใหญ่ อย่าง “แม่เบี้ย” อีกเรื่องหนึ่ง ขณะเดียวกัน หนังต่างประเทศที่เธอร่วมแสดงด้วยอย่าง Only God Forgive ก็คงจะเสร็จออกมาให้เราได้ชมในเร็ววันนี้
ท่ามกลางความขะมักเขม้นบนเส้นทางการทำงานที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น หญิง-รฐา โพธิ์งาม ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Crow ไว้ในหลากหลายแง่มุม และเราคิดว่าน่าสนใจ จึงหยิบจับมาบอกต่อ เผื่อเราจะเข้าใจหญิงสาวที่น่าจะเป็นเจ้าของฉายา “เจ้าแม่อีโรติก” คนต่อไป คนนี้ ได้ดียิ่งขึ้น…
ทำไมถึงเลือกเปิดตัวช่วงนี้กับบทอีโรติก?
จริงๆ แล้วไม่ได้เลือกหรอก จันดาราก็เป็นครั้งแรกที่ตัดสินใจเล่น เพราะยังไม่เคยเล่นบทไหนที่เซ็กซี่มากเท่านี้ แต่เมื่อมาเล่นจันดารา มาเจอกับหม่อมน้อย ท่านทำให้หญิงเปลี่ยนความคิด บางทีคำว่าโป๊ของคนเรามันไม่เท่ากัน หญิงมองว่าคำว่าโป๊คือ การอยู่ดีๆ คุณลุกขึ้นมาถอดโดยไม่มีเหตุผล แต่จันดารามีเหตุผลที่ต้องถอดเสื้อผ้า ซึ่งหนังมันมีความยิ่งใหญ่ในตัวเอง
แม่เบี้ยก็เหมือนกัน ภาพที่ทุกคนเห็นและจดจำคือ ผู้หญิงใส่ชุดเกาะอกเอวลอย หญิงก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมาเล่นบทอีโรติกอย่างเดียวนะไม่อยากให้ภาพของเรานิ่ง หญิงอยากให้ภาพมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดว่าหน้าตาเราแบบนี้เกิดมาจะต้องเป็นนางร้าย แต่หญิงกลับคิดว่าเกิดมาเป็นนักแสดง เราต้องเล่นได้ทุกบท ทุกวันนี้ยังอยากเล่นคอเมดี้ ปีหน้าจะมีบทแอคชั่นหญิงวางแผนให้ตัวเองไว้
คิดอย่างไรที่คนไทยยังไม่ยอมรับกับหนังอีโรติก?
หญิงว่าพื้นฐานคนไทย มันมีสองอย่าง หนึ่ง ปากว่าตาขยิบ และสองคือ การสร้างคุณค่าให้ตัวเอง มุมหนึ่งคนอาจจะมองว่ามันโป๊ ในขณะที่ยังมีสถานเริงรมย์เปิดอยู่ติดโรงเรียน มันค่อนข้างขัดแย้งกับสิ่งที่เราต่อสู้ กับอีกมุมหนึ่งมันขึ้นอยู่ว่าเราเลือกที่จะเข้าใจแบบไหนมากกว่า บางกลุ่มคิดว่ามันคืองานศิลปะ สิ่งที่สำคัญคือ การให้ความรู้ ถามว่าทำไมเด็กฝรั่งเขาถึงไม่มีปัญหา ซึ่งเขายอมรับว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน เราจะใช้วิธีไหนที่จะให้เด็กมัธยมฯเข้าใจ ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่น่าลิ้มลอง แต่เมื่อมันถึงเวลามันก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่จะต้องเจอ จะหาวิธีไหนที่จะมาช่วยปูพื้ฐานความเข้าใจของเยาวชนไทยให้เข้าใจมากขึ้น กลายเป็นปัญหาที่ต้องมองอีกมุมหนึ่ง
“จะมาโทษสื่ออย่างเดียวก็ไม่ได้ ต่างชาติ หนังเขาเปิดเปลือยกว่านี้อีก“
คนมองว่า สังคมไม่ดีมาจากสื่อ นักแสดง ดารา?
อาจจะมีส่วนบ้าง แต่สิ่งที่หญิงเชื่อมาตลอดคือ การนึกคิด การมองของคนมันเป็นจุดสนใจ ต่อให้สื่อนำเสนอมากกว่านี้มันก็เป็นเรื่องสูงขึ้น ถ้าคนไม่ได้มองแค่นมใหญ่ อาจจะมองว่าภาพสวย แสงสวย มุมนี้ดี มุมกล้องสวย มันเป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ใช่แค่สื่อหรอกที่ทำให้สังคมเปลี่ยนแปลง แต่จุดเริ่มต้นคือ การศึกษา มุมมองความคิด ค่านิยมของคนในประเทศมากกว่าต้องมาปลูกฝังกันใหม่ ถามว่าทำไมถึงมีข่าวเรื่องการติดเชื้อโรค มีปัญหาครอบครัว มีลูกในวัยไม่เหมาะสม มันเกิดจากการศึกษา ความนึกคิดที่ยังไม่พร้อม เป็นปัญหาของประเทศ ต้องมาหาวิธีสอนให้เห็นว่าเรื่องเพศศึกษาเป็นปัญหาของประเทศ มันจะมาโทษสื่ออย่างเดียวก็ไม่ได้ ต่างชาติ หนังเขาเปิดเปลือยกว่านี้อีก แต่ทำไมไม่มีปัญหา ประเทศเขายอมรับในระดับที่โอเคได้
การได้บทคุณบุญเลื่อง คิดว่าคุณมีอะไรที่เหมือนกัน?
ความเป็นผู้ใหญ่นะ บุญเลื่องเป็นผู้หญิงอายุ 40 ปี เป็นนักธุรกิจ ไปเรียนต่อต่างประเทศ มีความรู้และรักศิลปะ หญิงเป็นคนชอบศิลปะ ฟังเพลง ชอบเต้นรำ คุณบุญเลื่องเป็นผู้หญิงที่คิดอะไรจะนิ่งแต่ถ้าไม่คิดอะไรก็จะร่าเริง ตรงนี้ไม่ค่อยเหมือน หญิงไม่ค่อยขี้เล่น แต่คุณบุญเลื่องจะมีความน่ารัก มีเสน่ห์ในมุมของความเป็นผู้หญิงก็มีส่วนคล้าย ถ้าย้อนกลับไปนึกถึงผู้หญิงที่อยู่ในช่วงรัชกาลที่ 7 บางที เรานึกไม่ออกว่าเป็นยังไง เราไม่รู้ว่าผู้หญิงยุคนั้นเป็นยังไง การใส่เสื้อผ้า คุณบุญเลื่องได้รับวัฒนธรรมตะวันตก แต่งตัวเป็น มาริลิน มอนโร ขณะที่คนในบ้านใส่ผ้าถุง ถามว่ามันต้องมั่นใจขนาดไหนหรอ ซึ่งปัจจุบันถามว่าผู้หญิงแต่งตัวมากขึ้นมั้ย ใช่นะ แต่ยุคนั้นคุณบุญเลื่องกล้าแต่งตัวมาก กล้าเปิดโชว์เนื้อหนังที่คนในบ้านต้องตกใจ
“บทคุณบุญเลื่องคือ การให้ความสุข เพราะความสุขของเขาคือ การที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา“
ได้อะไรจากการรับบทนี้?
บทคุณบุญเลื่องคือ การให้ความสุข เพราะความสุขของเขาคือ การที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อแม่ของเขาเป็นนักธุรกิจไม่ค่อยมีเวลา แต่เมื่อเขามีลูกและได้มาอยู่กับคุณหลวง การได้อยู่แบบนี้คือความสุขของเขา และมอบความเป็นแม่ให้กับจัน แต่ว่าจันดันตีความหมายความรู้สึกตรงนั้นผิดไป กลายเป็นความรัก และทำให้จันเปลี่ยนไป ผู้หญิงคนนี้ให้ทุกสิ่ง อนาคต ความสุข ให้จนรู้สึกว่าสิ่งที่เธอเป็นคือการมองโลกในแง่ดีจนเกินไป ทุกคนเอาผลประโยชน์จากตัวเธอไปหมด ไม่ยุติธรรมสำหรับตัวเธอ แม้กระทั่งจันก็ใช้เธอเป็นเครื่องมือยึดอำนาจจากคุณหลวง สิ่งที่เธอให้จันคือการให้ความรักแบบแม่ ใช้ภาษากายด้วยการโอบกอด คือสิ่งที่จันขาด คุณหญิงมองข้ามผ่านเรื่องเซ็กซ์ไป ซึ่งหญิงมองว่าผู้หญิงแบบนี้ไม่น่าจะมีในโลก หรือถ้ามีก็อาจจะหมดไปจากโลกแล้วเป็นแม่ชีไปเลย เลยรู้สึกว่ามันยากมากที่สังคมปัจจุบันจะมีคนแบบนั้น
กับความรัก หญิงมีมุมมองต่อมันอย่างไรบ้าง?
หญิงว่าใครๆ ก็อยากจะมีความรักที่ดีนะ แต่ว่าตอนนี้อยากโฟกัสไปที่งาน เวลารักใครหญิงให้เต็มร้อย ปัจจุบันหญิงรับผิดชอบตัวเองทั้งหมด ต้องเอาตัวเองไปอยู่ตรงจุดนั้นก่อน ทุ่มให้ตัวเองทั้งหมด พูดไปก็คงเหมือนดาราที่บอกว่าไม่มีเวลาให้ แต่เอาเข้าจริงไม่ใช่แค่เลิกงานแล้วมีเวลาไปกินข้าวด้วยกันนะ แบบนั้นคบใครก็ได้ แต่ถ้าอยากจะมีใครสักคนหญิงก็ต้องมีเวลานั่งคิดถึงเขาบ้าง มองเห็นอนาคตกันและกัน ซึ่งตอนนี้หญิงยังไม่มี คิดว่าเมื่อถึงเวลาคงจะมาเอง ในวันที่ทุกอย่างนิ่งกว่านี้ ตอนนี้หญิงกำลังทำงาน และสนุก หญิงใหม่มากกับการแสดง วงการนี้ไทมิ่งไม่นานมากนักหรอก มีทั้งขึ้นและลง หญิงมีจุดขึ้นและลงมาแล้ว ดังนั้น สิ่งที่หญิงมีตอนนี้ ทำงานทุกอย่างให้มันดี ให้เต็มที่ก่อน
“บทเรียนทุกครั้งไม่ใช่เรื่องของบทเรียนที่เจ็บแล้วจำ ไม่ใช่เพียงแค่การจากลาเท่านั้น แต่มันคือความเข้าใจ ซึ่งอาจจะทำให้เราโตขึ้น“
ได้บทเรียนอะไรจากความรักครั้งที่ผ่านมา?
บทเรียนทุกครั้งไม่ใช่เรื่องของบทเรียนที่เจ็บแล้วจำ ไม่ใช่เพียงแค่การจากลาเท่านั้น แต่มันคือความเข้าใจ ซึ่งอาจจะทำให้เราโตขึ้น หลายคนอาจจะเลิกกันด้วยความไม่เข้าใจ หรือไม่มีเหตุผล แต่เมื่อมันต้องจบกันจริงๆ หญิงก็เป็นคนหนึ่งที่ยอมรับความจริง เมื่อเราเลือกที่จะจบต้องมีการมานั่งพูดคุยกัน ทุกครั้งที่จากกัน มันคือรอยยิ้ม มีหลายคู่ที่เลิกกันไป แทบจะไม่มองหน้ากัน หลายครั้งที่กลับไปคิดถึงความรักครั้งแรกถึงความรักครั้งสุดท้าย มันเหมือนชีวิตคนที่สอนให้เราได้รู้ว่า เราไม่ควรใจร้อนกับสิ่งที่ผ่านเข้ามา ต้องมีสติและเวลาจะทำให้เราเข้าใจ บางคนทำให้เรารู้จักการรอคอย ถ้าไปเร่งเร้าเกินไป สุดท้ายคนที่เจ็บคือตัวเราเอง
เมื่อวันหนึ่งเราไปเจอกับคนที่ใช่ที่พร้อมจะมาเป็นสามีเรา มันก็จะทำให้เรารู้ว่าควรทำตัวอย่างไรกับเขา หญิงเชื่อว่าผู้ชายไม่มีใครดีที่สุด เราเองก็ไม่ใช่คนดีที่สุดนะ มันเลยเป็นความโชคดีของสามีในอนาคตหญิง จากการที่หญิงปรับตัวจากบทเรียนที่เคยได้รับมาทั้งชีวิต
ภาพ/ข้อมูล : นิตยสาร CROW