เทย่า โรเจอร์ส มองชีวิตผ่าน 'Love sucks' ภาพยนตร์โดย โดนัท มนัสนันท์

เพียงแรกเริ่มได้เห็นข่าวคราวโปรเจกต์ภาพยนตร์ ‘Love sucks รักอักเสบ’ รู้สึกได้ถึงความน่าสนใจ ไม่ใช่เพียงเป็นเรื่องราวประเภท Romantic Comedy ที่มักถูกคอโดนใจคนไทยเท่านั้น แต่ด้วยปรากฏชื่อนักแสดงมากฝีมือ โดนัท – มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล กับการโชว์ Skill ผู้กำกับหนังใหญ่เต็มตัวครั้งแรก

Love sucks ไม่ใช่แค่หนังประเดิมอีกความสามารถของ โดนัท ยังเป็นเส้นทางชิมลางในวงการบันเทิงของ ลีซอ – ธีรเทพ วิโนทัย ศูนย์หน้าตัวจี๊ดจากสโมสรเพื่อนตำรวจ นอกจากนี้ยังมีนักแสดงอีกมากมาช่วยเปิดมุมมองความรักให้ผู้ชมได้คิดถึงวันวานของตัวเองว่าเหมือนหรือต่างอย่างไร และใครคือรักแท้สำหรับเรากันแน่

สำหรับ Love sucks หากจะไม่กล่าวถึงตัวละครหลักผู้ทำให้ภาพยนตร์ดำเนินเนื้อหาไปได้คงน่าเสียดาย เพราะเธอคนนี้เป็นหญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยโด่งดังมากในฐานะดาราวัยรุ่น แต่ด้วยหน้าที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการศึกษาทำให้ต้องพักงานจากวงการ แต่ก็ไม่อำลากันเสียทีเดียว ยังมีผลงานให้เห็นอยู่เป็นระยะ และกลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้งเมื่อปรากฏตัวในซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวนของทางฝั่งอเมริกา Cold Case Season 7 รวมถึงการรับบท ‘ณจันทร์’ ในละครโทรทัศน์ ‘เสือ’ เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก เทย่า โรเจอร์ส (Taya Rogers) สาวลูกครึ่งไทย – อเมริกันที่หลายคนกำลังคิดถึง เหตุผลให้ mars ต้องขอพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิต และหนังที่กำลังจะเข้าโรงฉายปลายเดือนมิถุนายนนี้

ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกในรอบ 15 ปี
เทย่ากลับมาเมืองไทยเป็นช่วงๆ ค่ะ พอดีพี่โดนัทติดต่อมา บอกมีหนังอยากให้เล่น พออ่านบทแล้วรู้สึกสนุกมาก เป็นเรื่องของ ‘เจ’ หญิงสาววัย 30 ที่โชคชะตากำลังตกต่ำทั้งเรื่องงาน และความรัก กลายเป็นคนที่ทำอะไรเพี้ยนๆ สุดท้ายผลของการกระทำ เกิดเป็นเรื่องราวสนุกๆ ขึ้น ซึ่งเทย่าชอบเนื้อเรื่องนะคะ คิดว่าถึงแม้เราไม่ได้เล่นก็จะดูแน่นอน

พอมาเล่นแล้วแตกต่างจากเรื่องอื่นเพราะว่า ผู้กำกับทั่วไปจะไม่เคยผ่านงานแสดง ซึ่งพี่โดนัทเองเคยผ่านงานแสดง จึงเข้าใจความรู้สึกทั้งสองฝ่าย สามารถอธิบายให้เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งพี่เขาเป็นผู้กำกับที่เก่งมากเพราะรู้ว่าอยากได้อะไร สำหรับนักแสดงแล้วจะยากที่สุดเมื่อเจอผู้กำกับที่ไม่แน่ใจตลอดเวลา อธิบายกับเราไม่ถูก พอเป็นแบบนั้นคือเราไม่เข้าใจว่าเขาอยากได้อะไร พอเราแสดงตามความรู้สึกของเรา แต่พอไม่ตรงกับความต้องการของเขาก็จะขัดกัน

อีกอย่างพี่เขาไว้ใจพวกเรามากๆ เนื่องจากเรื่องนี้มีฉากที่ไม่มีบทพูดค่อนข้างเยอะ เราต้องแสดงออกถึงอารมณ์ให้ชัดเจน ทำให้เรารู้สึกว่าไม่อึดอัด ไม่ถูกบังคับ สามารถทำอะไรก็ได้

คาแรคเตอร์ของ ‘เจ’ กับ เทย่า
ต่างกันมากๆ ค่ะ เหมือนกันตรงแค่เขาตั้งใจทำงาน รักแล้วรักเลย นอกนั้นไม่เหมือนกันเลยค่ะ (หัวเราะ) เขาเป็นคนที่ฝังความสุขเอาไว้กับสิ่งที่อยู่นอกตัว พอผิดหวัง เสียใจ หรืออกหัก ทุกอย่างก็พังหมด สำหรับตัวเทย่าเรียนรู้ว่าไม่สามารถที่จะฝังความสุขของเราไว้ที่คนอื่น ต้องรู้จักมีความสุขยามอยู่คนเดียว

เรื่องนี้มีมุมให้ได้เรียนรู้ว่าคนเราเวลาเมาไม่ต้องคิดอะไรเลย ไม่ต้องรู้ว่าผิดหรือถูก หรืออาย (หัวเราะ) คือสามารถทำอะไรก็ได้ เพราะมันไม่มีอะไรมากดดัน หรือบังคับให้เราเป็นคนดี คนไม่ดี ซึ่งตัวเทย่าเองไม่เคยเป็นแบบนั้น ตรงนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้บทตรงนี้สนุกมาก เพราะเจ ไม่เมาก็แฮงค์เกือบทั้งเรื่อง เรียกว่า 90% เลยก็ได้ค่ะ

ส่วนตัวเทย่าดื่มบ้างนะคะ แต่ไม่เคยเมาหนักแบบในหนัง จึงต้องนึกภาพเพื่อนแต่ละคน ว่าเมาแล้วอาการเป็นอย่างไร อีกอย่างคือไม่เวิร์คช้อปด้วยตัวเองนะคะ (หัวเราะ) อย่าดีกว่าค่ะ เห็นเพื่อนแฮงค์แล้วไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นเลย แค่จำแล้วเอามาใช้

ด้วยอายุตัวละครที่เป็นผู้หญิงวัย 30 นี่คือสิ่งแรกที่เทย่าบอกพี่โดนัทว่าไม่เหมาะกับบทนี้เพราะอายุไม่ถึง ไม่เคยรู้สึกเหมือนที่ตัวละครเป็น อย่างปัญหาของเจคือ 30 แล้วยังไม่แต่งงาน ชีวิตพังเพราะงานที่รัก ทุกอย่างมันพังสลายแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในที่ที่ควร แต่เราไม่รู้สึกแบบนั้น และเทย่ามั่นใจว่าถ้าถึงวันนั้นจริงเราก็ไม่รู้สึกอยู่ดี เพราะคิดเสมออายุเป็นเพียงแค่เบอร์ มันไม่มีความหมายอะไร ชีวิตเทย่าไม่เคยเดินตามแผนการที่คนอื่นเขาคิดกัน อย่างเพื่อนบางคนแต่งงานมีลูกตั้งแต่อายุ 21 จึงคิดมาตลอดว่าคงเป็นสุดท้ายในกลุ่มที่จะแต่งงานมีลูก ซึ่งไม่ได้เครียดอะไรกับเรื่องนี้ เมื่อถึงเวลามันก็จะมาเอง

ความต่างกันกับบทตรงนี้มันทำให้สนุก ได้ทำในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ ทำในสิ่งที่ปกติไม่ทำ พอสุดท้ายเราเข้าถึงบทได้ก็จริง

ต่างกันอย่างสิ้นเชิงในบทที่รับ
คงเป็นการปลดปล่อยของเจ คือไม่ว่าจะเป็นตอนเขาเมา หรือแฮงค์ ในช่วงที่เขาอกหักนี่ไม่คิดถึงคนอื่นเลย ไม่พยายามทำชีวิตให้ดี ไม่อาบน้ำ ไม่ล้างหน้า ใส่ชุดเดิมๆ ไม่หวีผม เหมือนตั้งใจแสดงออกให้คนอื่นเห็นว่าราโทรม ซึ่งต่างจากเทย่ามากที่สุด เราเป็นคนดูแลตัวเอง ดูแลคนอื่น จะนึกถึงพ่อแม่ นึกถึงเพื่อนตลอดเวลาว่าเขาต้องการอะไร เขามีความสุขไหม ส่วนเจที่ไม่สนใจใครเลย เอาแต่เศร้ากับตัวเองอย่างเดียว ตรงนี้ค่ะที่ยากสุด

ถ้าเทย่าอกหักก็ยังดูแลตัวเองนะคะ (หัวเราะ) เทย่าจะให้เวลากับตัวเอง โอเคอยากร้องไห้นอนบนพื้น เอาเลย 10 นาที เอาให้เต็มที่ เสร็จแล้วไปอาบน้ำแต่งตัว ทาปากให้เรียบร้อย คือเราเป็นคนอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ จะรู้ว่าถ้าอกหักก็ต้องหาอย่างอื่นทำ ไม่ว่าจะเป็นงาน ไปอยู่กับเพื่อน ดูหนัง หรืออ่านหนังสืออะไรก็ตาม

ร่วมงานกับ ‘ลีซอ’ และ ‘โดนัท’
ลีซอเป็นคนสนุกมากค่ะ ไม่น่าเบื่อ เพราะขี้เล่น กวนนิดๆ (หัวเราะ)เข้ากับคนง่าย ในฐานะนักกีฬาไม่ใช่นักแสดง นี่เป็นครั้งแรกซึ่งต้องยอมรับว่าเก่งมาก มีบ้างช่วยแนะนำเรื่องให้ทำตามความรู้สึก อย่างถ้าลีซอไปมีกิ๊กแล้วแฟนจับได้จะทำอย่างไร ซึ่งก็ทำได้เพราะค่อนข้างถนัดค่ะ (หัวเราะ)

ส่วนการร่วมงานกับพี่โดนัทบอกเลยว่าปลื้มมากค่ะ นอกจากเป็นนักแสดงที่เก่ง พี่เขายังฉลาดมาก รู้สึกว่าเป็นคนมีความใฝ่ฝันสูง อยากทำหลายอย่างแล้วสามารถทำได้ด้วย มีความเป็นตัวของตัวเองมาก ไม่ได้ทำอะไรเพื่อให้คนอื่นชอบ เพียงทำสิ่งถูกต้อง และจริงสุดสำหรับเขา ที่สำคัญคือ ดุ ในยามจำเป็นเท่านั้นค่ะ ไม่ได้แรงด้วย แต่กระตุ้นให้รู้ว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านี้

ความต่างในการทำงาน ไทย – อเมริกา
ต่างกันตรงวิธี กับกฎหมายมากที่สุดค่ะ เพราะอเมริกามีกฎหมายห้ามทำงานเกินอัตราที่กำหนด ถ้าเกินกว่านี้ต้องมีค่าล่วงเวลาชดเชยให้ ซึ่งบ้านเราไม่มี สมัยก่อนเคยมีต้องถ่าย 26 ชม. ไม่ได้กลับบ้าน อยู่ที่กอง ไม่ได้ย้ายโรงถ่ายจนคุณแม่งงนะคะว่าทำไมใช้เด็กแบบนี้

ส่วนค่าตอบแทนนั้น ผลงานของเราที่ถ่ายทำไป เมื่อถึงเวลาออนแอร์ก็จะได้เงิน ไม่ว่าจะเป็นกี่ปี กี่ครั้ง อย่างซีรีส์ถ่ายทำไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว นำกลับมาฉายประเทศไหนวันนี้ยังได้เงินอยู่เลย แต่ที่นี่เราได้เป็นก้อนครั้งเดียว แต่ที่เหมือนกันคือวงการนี้มันเหนื่อย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามเมืองไทย เมืองนอก มันเป็นงานที่เราต้องรักจริงๆ

โตมากับ 2 สังคม
ที่เมืองไทยเราเน้นการเคารพพ่อแม่มากกว่า การเติบโตที่นู่นคือพ่อแม่จะปล่อย อย่างแม่เทย่าเป็นคนไทย แต่เลี้ยงเหมือนฝรั่ง ท่านปล่อยให้เราเรียนรู้อะไรได้เองเกือบหมด เทย่าจบมัธยมตั้งแต่อายุ 17 ก็ย้ายออกจากบ้าน แต่เมืองไทยพ่อแม่ไม่อยากปล่อยให้ลูกออกไปได้ประสบการณ์ข้างนอก เหมือนอยากสั่งสอนที่บ้านมากกว่า ซึ่งไม่ใช่ว่าแบบไหนผิดหรือถูก แต่ในความคิดเทย่าการปล่อยให้เราใช้ชีวิตเองทำให้โลกกว้างขึ้น ได้รู้ว่าสิ่งที่พ่อแม่บอกไม่ใช่ถูกตลอดเวลา และไม่ใช่ว่าผิด แต่มันมีมุมมองของคนอื่นมากมาย มันกระตุ้นให้เราอยากเรียนรู้มากกว่าที่เป็น ด้านการเรียนการสอนก็ไม่ได้บังคับว่าต้องท่อง แค่ให้รู้ว่าจากจุดนี้ไปจุดนั้นมันมีที่มาที่ไปอย่างไร ต้องคิดเป็น ในมหาวิทยาลัยที่นู่นเราสามารถเถียง ตอบ กับครูได้

เลือกรักให้เป็น
สมัยเทย่าเด็กกว่านี้เวลารักใคร เราก็จะเอาความสุขไว้กับเขาหมด พอโตขึ้นเราเริ่มรู้ว่าจะไปทิ้งทุกอย่างไว้กับเขาไม่ได้ มันต้องขึ้นอยู่กับตัวเรา แล้วเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อเป็นคนที่เขาอยากได้ และต้องรักเราทั้งในข้อดีข้อไม่ดีทั้งหมด

ต้องเป็นคนที่ทำให้เราอยากเรียนรู้ อยากพยายาม อยากเก่งกว่านี้ หรืออะไรก็ได้ขอให้เป็นคนที่ดีกว่า ไม่ใช่แย่ลง ซึ่งตอนเด็กก่อนรู้จักตัวเอง อาจอยากเปลี่ยนเราให้เป็นคนที่เขาอยากได้ แต่ไม่ใช่ว่าวันนี้จะไม่รักใครเท่าที่เคยเป็นสมัยเด็ก แค่อาจดูไม่ได้อกหักเท่าตอนนั้น เป็นความรักที่ลึกกว่าสมัยก่อน

ความรักเป็นอะไรที่เราต้องดูแล แล้วเขาต้องดูแลเราด้วย ไม่ใช่เราแค่ฝ่ายเดียว เหมือนต้องหาวิธีเล็กๆ น้อยๆ ทำให้อีกฝั่งรู้ว่าต้องแคร์กัน แล้วเราก็ทำให้เขาตลอดเวลาเช่นกัน ส่วนตัวชอบซื้อของขวัญ ชอบทำอะไรจุ๊กจิ๊ก ให้รู้ว่าเวลาเขาพูดเราจะฟัง ยามไม่ได้อยู่ด้วยกันเราจะคิดถึงกัน

อัพเดตความรักหนุ่มอเมริกัน
ดีค่ะไม่เหมือนในหนัง (หัวเราะ) คบกันมาประมาณปีครึ่ง แต่ก่อนหน้าเป็นเพื่อนกันหลายปี เรียกว่ารู้จักกันดีมาก อย่างที่บอกคือเขาเป็นคนที่ทำให้เทย่าอยากจะเก่งกว่านี้ อยากดีกว่านี้ อยากเรียนรู้ อยากทำให้ความฝันเป็นจริง

สวยแล้วยังจิตใจงาม
เทย่าชอบทำบุญค่ะ ทำหลายอย่าง แต่ที่ทำตลอดคือการช่วยเหลือด้านการศึกษา เพราะเมืองไทยหลายหมู่บ้านไม่มีโรงเรียน ส่วนโรงเรียนที่เทย่าอุปถัมภ์เป็นโรงเรียนวันในจังหวัดสิงห์บุรี ไปทุกปีอย่างน้อย 1-2 ครั้ง แล้วดูว่าน้องๆ ต้องการอะไรสมุด หนังสือ เทย่าคิดว่าเราโชคดีมาก ที่ได้เรียนหนังสือตั้งแต่เด็ก ได้เข้ามหาวิทยาลัย อาม่าของเทย่าจบ ป.4 ป. 5 มั้งคะ ไม่มีโอกาสเรียนมากกว่านั้น แต่ท่านพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คุณแม่เทย่าได้เรียนหนังสือ สิ่งนี้สำคัญมากๆ ถ้าเราจะทำให้โลกนี้ดีขึ้น เราต้องเรียนรู้ ตอนนี้เรามีโอกาสช่วยได้ก็ช่วยเต็มที่

ไดเอทไม่เป็น แต่ต้องดูแลสุขภาพ
ชอบออกกำลังกายค่ะ อย่างตอนถ่ายเรื่องนี้เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะพี่โดนัทไม่ยอมให้ออกกำลังกาย ต้องปล่อยตัวให้น้ำหนักขึ้นมาสัก 2-3 กิโลกรัม ทั้งที่เราชอบต่อยมวย โยคะ

เรื่องการรับประทานอาหาร เทย่าเป็นคนที่ไดเอทไม่เป็นเลย (หัวเราะ) อยากกินก็จะกิน แต่รู้อยู่แล้วว่าต้องสลับกันระหว่างของไม่มีประโยชน์ กับมีประโยชน์ หรืออยากทานเค้กก็ได้ แต่ไม่ใช่ทุกมื้อ หรือชิ้นเดียวพอ อาจ 2-3 วันครั้ง โชคดีที่เทย่าชอบดื่มน้ำผักทุกวัน เช้าตื่นขึ้นมาปั่นน้ำผัก ทานสลัด ผักผลไม้อยู่แล้ว

ผลงานนับจากนี้
ยังไม่มีค่ะ หลังหนังเข้าโรงแล้วเทย่ากลับอเมริกา เพราะช่วงสองปีที่ผ่านมาอยู่เมืองไทย ไม่มีโอกาสได้แคสงานที่อเมริกา อีกอย่างเทย่าถนัดภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทย อยากรู้ว่าถ้าเราทำได้ดีขนาดนี้ในไทย เราจะทำได้ดีกว่านี้ไหมในภาษาที่คล่องกว่า
เรื่อง : เอกลักษณ์ มุสิกะนันทน์
ภาพ : อิศเรศน์ ช่อไสว / พาณุวัฒน์ เงินพจน์

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE