30 ปี ตำนานหมาป่า 'เห่าเพ็ญจันทร์' ออสซี่ ออสบอร์น


Blowin’ in the songs
โดย : ประมวล ดาระดาษ
p_daradas@hotmail.com

ออสซี่ ออสบอร์น (John Michael “Ozzy” Osbourne) เกิด 3 ธันวาคม 1948ที่เบอร์มิงแฮม อังกฤษ ศิลปินนักร้อง/นักดนตรีรางวัลแกรมมี ผู้ได้รับการจารึกชื่อใน Rock and Roll Hall of fame เจ้าของอัลบัมแพลตินัม มากมาย
อีกขนานนามในสาวก เขาคือ “พ่อมด ออสซี่ ออสบอร์น” มีผลงานว่าเป็น “เจ้าพ่อแห่งเฮฟวี่ เมทัล”(Godfather of Heavy Metal)กับอีกฉายา “เจ้าชายแห่งความมืด”(Prince of Darkness) ตลอดสี่ทศวรรษ (ทั้งในฐานะศิลปินเดี่ยวและนักร้องนำวงแบล็ค ซับบัธ(Black Sabbath) เทคนิคการร้อง การแสดงบนเวที และดนตรีของเขากลายเป็นตำนานคลาสสิกแห่งรูปแบบ เฮฟวี่ เมทัล ที่กล่าวขวัญของบรรดาสาวกแฟนาติกแนวนี้ ถึงจนถึงปัจจุบัน
ออสซี่ ออสบอร์น ออกโรงเรียนตั้งแต่อายุสิบห้าปี เนื่องจากมีปัญหาโรคดิสเล็กเซีย (Dyslexia) ที่ภาวะผิดปกติของสมองที่สัมพันธ์กับการอ่าน เขียน และการสะกดคำ พออายุสิบห้าปีก็ระเห็จจากโรงเรียนไปเป็นกรรมกรก่อสร้างอยู่หลายปี ตอนนั้นเขาก็คลั่งเป็นโรคบีทเทิลส์มาเนีย เหมือนเด็กวัยรุ่นร่วมยุค
พอไปเจอ กีเซอร์ บัทเลอร์ เมื่อปี 1967 ก็ฟอร์มวง “Rare Breed”ขึ้นเล่นไปได้สองโชว์ก็วงแตก แยกย้ายกันไป เมื่อมาเจอมือริฟฟ์และโซโล่กีตาร์ผู้หนักแน่นดุจภูผาถล่มทลาย โทนี่ ไอออมมิ และมือกลองบิล วาร์ด ในตำนานบีตทมิฬ ฟร้อนแมน นักร้องนำสุดขั้ว อย่างพ่อมดหนุ่มออสซี่ ออสบอร์น ที่ฝรั่งให้นิยามในน้ำเสียง และแนวทางว่า eerie ในความหมาย น่าสะพรึง น่าขนลุก.ทั้งนี้โดยฝีมือการเขียนเพลงของมือเบส กีเซอร์ บัทเลอร์ โดยพวกเขาไม่ย่อท้อแล้ว พวกเขาก็กลับมาฟอร์มวงใหม่นาม Earth,
และพัฒนาการต่อมา มันกลายเป็นรากแห่งเฮฟวี่ เมทัล นั่นคือการกลายร่างเป็นวงแบล็ก ซับบัธ(Sabbath n.วันประกอบพิธีทางศาสนาและพักผ่อนของชาวคริสต์) ตามลำดับ โดยทุกสมาชิกได้ร่วมกันบุกเบิกดนตรีแนวนี้ ในอังกฤษเมื่อปี 1970 ซึ่งพัฒนาแนวดนตรีนั้นล้ำไปอีกขั้นหนึ่ง
โดยลักษณะเด่นของวงนี้คือ เสียงกีตาร์ที่มีลักษณะเฉพาะของโทนี่ ไอออมมี่ กีตาร์ฮีโร่แห่งยุคในชุดดำลึกลับ ซึ่งออกแบบแนวสำเนียงโทนเสียงกีตาร์ให้มีเสียงทึบ ต่ำ อับทึม ทว่ามีลูกริฟฟ์ทำนองระทึก และแตกพร่าสุดขั้วหู หากทว่าสวยงาม เนื้อหาของดนตรีที่ออกแนวที่เกี่ยวกับความน่าสะพรึงกลัว ความเป็นไปของสังคมในด้านลบ และอิทธิพลของยาเสพติดในยุคนั้น คือ เนื้อหาพื้นฐาน
และต่อการพยายามหลีกหนี ในแนวทางความเป็นบลูส์ในท่วงทำนองดนตรีอันนิยมที่เคยมีมาก่อนหน้านั้น ที่เริ่มได้รับความนิยมลดลง แบบแนวทางซ้ำซาก หากพวกเขามีอัลบัม Black Sabbath และ Paranoid มีเพลงฮิตอย่าง Paranoid และอัลบัมที่ ออลมิวสิก ออนไลน์ที่ก่อกำเนิดในปี 1991 ยกย่องว่ายิ่งใหญ่สุดยอดขนั่นคือ ต่อมาวงนี้ได้รับการกล่าวขวัญว่า เป็น วงดนตรีเฮฟวี่ เมทัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวงหนึ่งของโลกตลอดกาล อัลบัมสุดยอดที่พวกเขาร่วมงานกัน และสร้างสรรค์ มีดังนี้
Black Sabbath (1970)
Paranoid (1970)
Master of Reality (1971)
Black Sabbath Vol. 4 (1972)
Sabbath Bloody Sabbath (1973)
Sabotage(1975)
พอถึงอัลบัม Technical Ecstasy (1976) ออสบอร์นก็คิดไปเป็นศิลปินเดี่ยว โดยร้องแถมให้ซับบัธในอัลบัมสุดท้ายอีกชุด นั่นคือ Never Say Die! (1978)
จากนั้นแบล็ก ซับบัธ ก็หันไปใช้บริการร็อก สตาร์รุ่นใหม่ รอนนี เจมส์ ดิโอ .เอียน กิลแลน และ เรย์ กิลเลน ตามลำดับ
จากตำนานแห่งเฮฟวี่ เมทัลต้นแบบ ทำให้วงอื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลของแบล็ก ซับบัธ ก็ตามมาเป็นพรวน อาทิ ยูไรห์ ฮีพ, สกอร์เปียนส์,UFO หรือแม้กระทั่งวงอย่าง ควีน เป็นต้น วงเหล่านี้ล้วนมาจากฝั่งยุโรป ส่วนฝั่งอเมริกา ก็มีอีกหลายวง อาทิ แกรนด์ฟังก์ เรลโรด ,คิส,ฯลฯ เป็นต้น

พ่อมดออสซี่ ออสบอร์น หลังจากแยกวงออกมา ก็ตั้งวงในนามของตนเอง เขาไปขุดค้นหาขุนขวานคู่กาย ด้วยการออดิชั่นหา เพื่อมาแข่งรัศมีกับ ไอออมมี่ คนเดิม ที่ที่เขาสรรหาด้วยใจ และญาณทัศนะมาร่วทีม ทั้งนี้ทุกคนล้วนเป็นมือกีตาร์ขั้นเทพ แบบน่าทึ่งมากพรสวรรค์ เปี่ยมทักษะเทคนิคสมัยใหม่ ที่ออสซี่ ออสบอร์นคัดสรรมาใช้งานแบบถูกคน ถูกที่ ถูกเวลามาโดยตลอด ขายได้ทุกอัลบัม นั่นคือพรสวรรค์ของเขาพ่อมด ผู้เปี่ยมวิสัยทัศน์คมกริบ
คนแรกก็คือ แรนดี้ โรดส์ (ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกตาย)- เจ๊ก อี. ลี.- แซ็ก ไวลด์ และล่าสุด กัส จี.ในอัลบัมสุดท้าย
Blizzard of Ozz (1980)
Diary of a Madman (1981)
Speak of the Devil (1982)
Bark at the Moon (1983)
The Ultimate Sin (1986)
No Rest for the Wicked (1988)
No More Tears (1991)
Ozzmosis (1995)
Down to Earth (2001)
Black Rain (2007)
Scream (2010)

ในอัลบัมที่สุดขั้วที่สุด ที่สะท้อนความแปลกแยก ของตัวตน และสังคมอย่าง Bark at the Moon (1983) มีแทร็กชื่อเดียวกัน คือ “เห่าเพ็ญจันทร์” (Bark at the Moon) แสดงลักษณะแปลกแยก (Aleination)ของคน และมักจะแสดงออกมาในรูปของความวิปริต ขบถ เป็นคนนอก คนแปลกหน้าในสังคมปกตินั้นๆอ และ มักจะแสดงออกมาโดยสัญชาตญาณส่วนลึก
“เห่าเพ็ญจันทร์” คือสุดยอดตำนานแห่ง เฮฟวี่ เมทัลแทร็ก ที่ยอดเยี่ยมและอมตะของพ่อมดออสบอร์นรังสรรค์ขึ้นมา พอๆ กับแทร็ก crazy train ที่เขาเคยทำกับ แรนดี้ โรดส์ เป็นแทร็กที่เปิดตัวในปี 1983สร้างสรรค์ทำนองโดยมือกีตาร์ เจ๊ก อี.ลี.ตามด้วยบ๊อบ ไดสเลย์ มือเบส กระหน่ำกลองโดย ทอมมี อัลดริดจ์ และคีย์บอร์ดสยองขวัญโดย ดอน แอร์เรย์
เนื้อเพลง นั้นเขียนคนเดียวโดยฝีมือของพ่อมดออสบอร์น (ในปี 2003ไดสเลย์ก็ไป ยื่นฟ้องออสบอร์น โดยอ้างว่ามีลิขสิทธิ์ร่วม และอีกหลายเพลงในอัลบัม Diary of a Madman เกิดปัญหานุงนัง นัวเนีย และสรุปโดยแบบผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ ระหว่างเพื่อน)
เพลงมีความยาวแค่สี่นาที 17 วินาที เนื้อหาที่พ่อมด ออสซี่ ออสบอร์น ได้แรงบันดาลใจจาก ตำนาน เรื่องเกี่ยวกับสัตว์ในตำนานที่ครั้งหนึ่งเคยคุกคามมนุษย์ มันถูกฆ่าตายแล้วฟื้นคืนชีพมาอีก ครั้ง โดยทั้งนี้ออสบอร์น น่าจะได้ความคิดมาจาก ตำนานมนุษย์หมาป่า ( Werewolf, Lycanthrope) ซึ่งเป็น อมนุษย์อมตะที่น่ากลัว ตระกูลเดียวกับแวมไพร์ ค้างคาวผีดูดเลือด โดยมีพฤติกรรมคล้ายกันแบบนับญาติ คือ ดื่มกินเลือดและเนื้อของมนุษย์และสัตว์อื่นเป็นอาหาร
เป็นความเชื่อฝังใจ ของชาวยุโรปในยุคกลาง โดยเชื่อกันว่า บุคคลที่เป็นมนุษย์หมาป่าจะกลายร่างเป็นหมาป่าในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง และอาจจะแปลงร่างเป็นหมาป่าทั้งตัว หรือครึ่งคนครึ่งหมาป่า หรือแม้กระทั่งแปลงเป็นสัตว์ป่าชนิดอื่น เช่น หมี เป็นต้น โดยจะมีผู้กล้า ฮีโร่ ตามล่าอมุษย์พวกนี้ วิธีการสังหารมนุษย์หมาป่า ซึ่งจะคล้าย ๆ กับฆ่าค้างคาวผี คือ ตอกด้วยลิ่มที่หน้าอก หรือเผา จุดอ่อนของพวกมันคือมนุษย์หมาป่ามักแพ้แสงแดด
ความเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่านั้น มีที่มาจากความกลัวหมาป่า โดยเฉพาะหมาป่าในยุโรป ที่มีลำตัวขนาดใหญ่ และมักออกล่าเป็นฝูง โดยอาจดักซุ่มโจมตีมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงในเวลากลางคืน เมื่อมาผนวกกับความเชื่อและความหวาดกลัวบุคคลนอกสังคม ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจ อย่างแม่มดหรือแวมไพร์ ยิ่งทำให้ยุคนั้นฝังใจกับตำนานแบบนี้
ปัจจุบันนักจิตวิทยาเชื่อว่า เรื่องมนุษย์หมาป่านั้น แท้จริงแล้วคือ สัญชาตญาณสัตว์ป่าที่มีอยู่ในตัวมนุษย์
อันความเชื่อเรื่องของมนุษย์ที่กลายร่างเป็นกึ่งคนกึ่งสัตว์ที่มีทั่วทุกมุมโลก เช่น ในอเมริกาใต้มีมนุษย์งูเหลือม หรือมนุษย์จระเข้ ที่แอฟริกามีมนุษย์เสือดาว หรือเสือดำ หรือปีศาจช้าง ที่อินเดียมีมนุษย์สิงโต หรือ “นรสิงห์” ในไทยก็มี เสือสมิงเป็นหญิงสาวมาหลอกล่อพรานที่นั่งห้างอยู่ลงไปให้กัดตาย หรือในเทพปกีรณัมกรีก ก็มีเรื่องของกษัตริย์องค์หนึ่งที่ถูกเทพซุสสาปให้กลายเป็นไฮยีนา ชื่อ “Lycaon”
มนุษย์บางเผ่า เช่น ไวกิ้ง เชื่อว่า ตนสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ป่าดุร้ายบางชนิด ได้เวลาสู้รบ กระทั่งถึงความเชื่อพื้นเมืองของอินเดียแดงก็คล้ายคลึงกัน โดยผู้ที่แปลงร่างเป็นหมาป่าได้จะเรียกว่า”Skinwalker” และตามสถิติที่เก็บได้ ชี้ว่า คืนวันพระจันทร์เต็มดวงนั้น มีแนวโน้มที่จะเกิดอาชญากรรมมากกว่าคืนทั่วไป ทั้งนี้เชื่อว่า อาจเป็นเพราะอิทธิพลของดวงจันทร์
เรื่องราวของมนุษย์หมาป่า ถูกเล่าขานมาจนปัจจุบัน และสะท้อนออกมาในรูปแบบของวรรณกรรม เช่น ภาพยนตร์ หรือ ละคร หรือแม้แต่กระทั่งการ์ตูน เป็นอาทิ หากทว่าออสซี่ ออสบอร์น ก็นำมาถ่ายทอดเป็น คีตศิลป์และวิดีโอ สยองขวัญใน สกุลเฮฟวี เมทัลขึ้นหิ้งคลาสสิกมา 30 ปี ในปีนี้

วิถีพ่อมดผู้แสนป๊อป นอกเหนือไปจากงานดนตรีแล้ว ออสบอร์นยังเป็นนักเขียน (“I Am Ozzy” (2010), นักเขียนคอลัมน์ในซันเดย์ ไทม์-ลอนดอนและโรลลิง สโตน-อเมริกา) และเป็นคนแรกที่มีรายการเรียลลิตี้ทางเอ็มทีวี แบบเอาชีวิตประจำวันของตนและครอบครัวมาเป็นชื่อรายการ “The Osbournes” ซึ่งได้รางวัลไพรม์ไทม์ เอ็มมี อวอร์ดสาขารายการเรียลลิตี้ยอดเยี่ยมในปี 2002 โน่นอีกด้วย
ทั้งนี้ ออสซี่ ออสบอร์นพากย์เสียงวิการ์ในภาพยนตร์ขนาดสั้นที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์ปี 2007 เรื่อง “Robbie the Reindeer in Close Encounters of the third Kind” พ่อมดออสบอร์น หลากหลายความสามารถมาก เปี่ยมศักยภาพ ไม่ว่าจะในฐานะ นักร้องนำแห่งแบล็ก ซับบัธ การผลิตงานในฐานะศิลปินเดี่ยว หรือการนำเสนอเรียลลิตี้แสดงความเพี้ยน ความอบอุ่นของตนในครอบครัว ในลักษณะแฟมิลี่แมน นับว่าเป็นศิลปินที่มีบุคลิก ราวนด์ แคแรกเตอร์ คนหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2002 เป็นปีที่สาม หลังการเริ่มบูมของเรียลลิตี้ ทีวี เรียลลิตี้ The OSBOURNE ถือว่าเป็นรายการแรกที่ประสบความสำเร็จสูงมากเทียบเท่ากับความนิยมของ The Survivor ภาคแรกในอเมริกา ถึงแม้ว่า THE OSBOURNE เป็นรายการที่ถ่ายทอดแต่ทางเคเบิลทีวี โดยผ่านทางเอ็มทีวีเท่านั้นก็ตามที
THE OSBOURNE เป็นการบันทึกความเป็นอยู่ของราชาเฮฟวี่เมทัล ออสซี่ ออสบอร์น ภรรยา แชรอน ออสเบลล์ และลูกอีกสองคน คนหนึ่งคือเคลลี่ ออสบอร์นที่เป็นนักร้องวัยรุ่น THE OSBOURNE ออกอากาศไปได้แค่ฤดูกาลที่สาม และก็มีอันโรยลาไป
มีหลายปัญหาที่สำคัญ อย่างแรกคือ ปัญหาสุขภาพของออสบอร์นเอง ขณะที่แชรอน ออสบอร์น ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่รักษาผลประโยชน์ทางธุรกิจของตนและสามีอย่างเหนียวแน่น ก็หันไปเปิดรายการทอล์กโชว์ของตนเอง ซึ่งไม่ค่อยประสบความสำเร็จด้านเรตติ้งนัก อีกทั้งกระแสคนก็น้อย
เรามาฟังจุดขายแบบเพี้ยนของคู่ใจพ่อมด ที่ล้ำมากในยุค จากการให้สัมภาษณ์เรื่องเพศ เมื่อร่วมสิบกว่าปีก่อน ชารอนเคยให้การรับประกันคุณภาพด้านสมรรถนะทางเพศของสามีที่ครองเรือน ครองรักกันมากว่าร่วมสามทศวรรษว่า
“เห็นแก่ๆ แบบนี้ แต่จริงๆ แล้ว พี่อสสบอร์นเขายังคงฟิตปั๋งดึ๋งดั๋งไม่ต่างอะไรกับเซ็กซ์ แมชีน”
ชารอนยืนยันแบบสุดปลื้มยิ้มแย้มแบบไม่แคร์สื่อ และยกย่องสามีสุดที่รัก ที่ใครก็ไม่สามารถมาแตะต้องได้ว่า เป็นแฟมิลี่แมนที่สุดแสนจะโรแมนซ์ และเรื่องอย่างว่า ก็เป็นผู้ชายที่สุดเพอร์เฟกต์มีความเป็นชายที่แข็งแกร่ง รวมทั้งพละกำลังที่สามารถบรรเลงเพลงรักกันได้ยาวนานทั้งคืนแบบเกาะคอนย่างเหยาะๆ จนพระเคาะระฆัง ทีเดียว
แต่ใครที่เคยชมคอนเสิร์ต ที่พ่อมดออสบอร์นเคยสร้างวีรกรรมเด็ดหัวค้างคาวบนเวทีจนเลือดสาดแบบล่าแวมไพร์มาแล้วในยามที่ขึ้นแสดงคอนเสิร์ต นั่นคือ ยิ่งเพี้ยน ในระยะหลัง บนเวทีคอนเสิร์ตเขามีหอบเหนื่อย และแผ่วปลายยกอยู่เหมือนกัน
ชารอนพูดเวอร์ไปหรือเปล่า
''เราแต่งงานกันมาเกือบ 25 ปีแล้ว สิ่งดีที่สุดฉันที่ฉันเคยทำก็คือการเพิ่มขนาดหน้าอก เขาชอบมันมาก และมันทำให้เขาเหมือนกับเด็กเกิดใหม่''
นั่นคือ ส่วนหนึ่งของความแปลกแยก แบบจริงใจ จริงจังและไม่แคร์สื่อแคร์สังคมของ มาดามออสบอร์น หล่อนเคยเอาน้ำผลไม้สาดหน้าสาวร่วมรายการ เมื่อไปเป็นกรรมการคอมเมนท์ผู้เข้าร่วมเวทีประกวดนางหนึ่ง ด้วยถ้อยคำรุนแรง สาวทนไม่ได้ก็ย้อนไปถึงผู้เป็นสามีออสบอร์น หล่อนเป็นคนที่จะให้ใครมาแตะต้องครอบครัวและสามีไม่ได้ ก็ชิงลงมือก่อนดังกล่าว กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
นี่คือส่วนหนึ่งของความก้าวร้าว ของครอบครัวพ่อมดออสบอร์น

ข่าวคราวล่าสุดของเขา ในวัย 64 ปี ที่น่าจะเกษียณไปแล้วเขายังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ด้วยการจำหน่าย สารคดีเกี่ยวกับชีวิตและอาชีพของเขา God Bless Ozzy Osbourne, โดยมีฤกษ์เปิดตัวเมื่อ เมษายน 2011 ที่งานเทศกาลภาพยนตร์ Tribeca และจะถูกปล่อยออกมาในรูปแบบดีวีดีในเดือนพฤศจิกายน 2011รวมยอดขายถึงเดือนธันวาคม 2010 พ่อมด ออสบอร์นมียอดขายกว่า 100 ล้านอัลบั้มทั่วโลกทั้ง ศิลปินเดี่ยวและเป็นสมาชิกของ แบล็ก ซับบัธ
แต่ไม่น่าเชื่อว่าระดับ 'เจ้าพ่อแห่งวงการเฮฟวี่เมทัล' ออสซี่ ออสบอร์น จะตกเป็นข่าวว่าติดค้างเงินภาษีแค่ 52 ล้านบาท จนถูกกรมสรรพากรอเมริกันที่เขาไปสร้างอสังหาริมทรัพย์ บ้านและที่ดิน รุกไล่แบบจัดหนักเมื่อปีกลาย ต้องรีบจัดการ หากไม่อยากถูกยึดคฤหาสน์หรูในนครลอสแอนเจลีส เพื่อนำไปขายทอดตลาดใช้หนี้แทน
ทั้งนี้ ชารอน ออสบอร์น ภรรยาสาวสองพันปีของเขา ก็ยอมรับว่า 'คุณไม่สามารถเชื่อใจใครได้นอกจากตัวเอง คุณจำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในธุรกิจของตัวเอง ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน… บทเรียนที่ต้องจดจำ'
ออสซี่ ออสบอร์น และชารอน เคยถูกจัดอันดับเป็นคู่รักที่ทำเงินสูงสุดของเกาะอังกฤษจากรายได้ราว 4,800 ล้านบาทในปี 2005 ที่มาจากงานเพลง และเรียลลิตี้โชว์เผยความเพี้ยนของครอบครัว 'The Osbournes' ทางช่องเอ็มทีวี
แล้วปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในประเทศสหรัฐฯ วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบกับการเงินของพวกเขาอยู่พอสมควร โดยเอกสารของกรมสรรพากรสหรัฐฯ ส่งหนังสือเตือนออสบอร์นให้จ่ายภาษีที่ติดค้างจากปี 2008 -2009 จำนวนดังกล่าว หากไม่อยากถูกยึดคฤหาสน์ที่ฮิดเดน ฮิลล์ ชานเมืองแอลเอ หรือบ้านริมชายหาดมาลิบู เพื่อนำออกขายทอดตลาดนำเงินมาเข้ารัฐ
แต่สังคมที่รู้จักครอบครัวออสบอร์นดี ยืนยันว่าเวลานี้พ่อมดออสบอร์น กำลังตระเวนทัวร์คอนเสิร์ต 'Scream World Tour' ในประเทศบราซิล
และมาดามชารอน คงต้องหาทางออกต่อเรื่องนี้ได้ในที่สุด “ทุกคนรู้สึกกังวลมาก แม้เรื่องภาษีจะจิ๊บจ๊อยมากต่อสมบัติที่เขามีอยู่ในอเมริกา พวกออสบอร์นรวยโคตร ใครคนหนึ่งนินทา หากทว่าทำปากจิ๊กจั๊ก
“แต่แบรนด์ของพวกเขาไม่ได้รับความนิยมเหมือนเมื่อหลายปีก่อนแล้ว พวกเขาเป็นเจ้าของบ้านหลายแห่งทั่วโลก และมันมีค่าโสหุ้ยต่อการบำรุงรักษา”
นั่นคือปัญหาของครอบครัว “ออสบอร์น” ในเวลานี้ กับชายสูงวัย 64 ปี คาดว่าทรัพย์สมบัติที่สร้างสมมาคงเพียงพอที่จะต่อยอดให้สร้างงานต่อไป
เขายังมีพละกำลัง และสมรรถนะพลังขับที่ยิ่งใหญ่ และหวังว่า พ่อมด ออสซี่ ออสบอร์น คงจะหวนกลับมาสร้างสรรค์อัลบัม ที่ยิ่งใหญ่อย่าง bark at the moon ต่อ จากอัลบัม scream ที่เหมือนสัญญาณการกรีดร้องสยองขวัญต่อภาษีแดนมะกันได้อีกสักอัลบัมเพื่อชำระแค้นต่อการนี้
Screams break the silence
Waking from the dead of night
Vengeance is boiling
He's returned to kill the light
Then when he's found who he's looking for
Listen in awe and you'll hear him
Bark at the moon
(หัวเราะ555
แบบสมัยนิยมในโลกไซเบอร์ขณะนี้)

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE