หญิงสาวแต่ละคน มีเสน่ห์แตกต่างกันไป บางคนน่าหลงใหลที่ใบหน้าและรูปร่างสวยน่ารัก บางคนมีน้ำหนักที่ความคิดความอ่านและสติปัญญา และถ้าเราจะบอกว่า “แฟรี่-ศุภัคญาฎาร์” มีเสน่ห์ที่ว่ามาทั้งสองอย่าง ก็คงไม่เกินเลยไปจากความเป็นจริงสักกี่มากน้อย
ภายใต้ชายคา “คลาสส์ซี่ เรคคอร์ดส์” นักร้องหญิงคนนี้เพิ่งออกอัลบัมเดี่ยวเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ในชื่อชุด The Fairy Tale ซึ่งมีเพลง “ดอกไม้” เป็นบทเพลงที่กำลังได้รับการกล่าวถึงมากขึ้นทุกขณะ กระนั้นก็ดี ปัจจัยหนึ่งซึ่งทำให้ “แฟรี่-ศุภัคญาฎาร์ อัครวัฒนะอังกูร” เรียกสายตาเราให้หันไปมอง ไม่ใช่แค่เรื่องของเพลง หากแต่ยังรวมถึงจุดยืนทางความคิด
คลาสส์ซี่ เรคคอร์ดส์ ถือกำเนิดมาในโลกดนตรีเมื่อไม่กี่ปีก่อน นอกเหนือจากงานเพลงที่ตั้งเข็มทิศในการผลิตผลงานที่มีคุณภาพ ค่ายเพลงเล็กๆ ค่ายนี้ยังกำหนดที่อยู่ที่ยืนให้กับตนเองด้วยการเป็นค่ายเพลงซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนักการเมืองคอร์รัปชัน นั่นยังไม่ต้องพูดถึงว่า ศิลปินแต่ละคนในค่ายจะต้องมี “บทเพลงเพื่อพ่อ” อย่างน้อยคนละหนึ่ง อันสะท้อนให้เห็นเด่นชัดถึงการเป็นสังกัดที่จงรักภักดีต่อสถาบัน
ในขณะที่ The Fairy Tale กำลังเดินทางไปขับกล่อมคนฟัง ณ มุมต่างๆ ของประเทศ เรานัดพบกับหญิงสาวที่มีชื่อเล่นว่า “นางฟ้า” แล้วชวนเธอสนทนาเรื่องงาน และที่สำคัญคือเรื่องการเมือง
การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลไหนหรือแวดวงใด ย่อมหนีไม่พ้นอิทธิพลของการเมือง การเมืองในครอบครัว การเมืองในที่ทำงาน การเมืองเรื่องความรัก และที่มากกว่านั้นการเมืองเรื่องประเทศ
“บอกเลยค่ะว่าตอนแรกแฟรี่ไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมืองสักเท่าไหร่” หญิงสาวกล่าว พลางหัวเราะเพราะขำตัวเอง “เราจะรู้แค่ว่าคนนั้นดี คนนี้ไม่ดี แต่ไม่ได้ใส่ใจถึงขั้นลงลึกมาก แต่พักหลังๆ เริ่มได้ยินว่ามีคนหมิ่นในหลวง เราคิดว่า เฮ้ย! มันไม่ได้แล้ว ทำไมคนพวกนี้ถึงกล้ามาหมิ่นท่าน นั่นเป็นจุดแรกๆ ที่ทำให้แฟรี่เริ่มศึกษาเรื่องการเมืองมากขึ้น”…
การอยู่ใต้สังกัดซึ่งมีจุดยืนทางการเมืองชัดเจนมาก มีความลำบากใจหรือเกรงว่าจะได้รับผลกระทบอะไรบ้างไหม
เรื่องงานไม่กระทบเลยค่ะ เพราะโชคดีที่คนร่วมงานกัน เป็นคนที่มีความเห็นคล้ายกัน หรือถ้าไม่เห็นด้วย ก็จะมีความรักอย่างอื่นที่ไม่สามารถหยิบยกประเด็นเรื่องนี้มาโกรธกันได้
แล้วในส่วนของคนทั่วไปที่ไม่ได้ร่วมงานกับเราล่ะครับ
โอ๊ยย..โดนยับเลยค่ะ (หัวเราะ) เข้ามาแสดงความคิดเห็นเต็มเลยในเฟซบุ๊ก ตอนแรกเราก็ไม่ได้โพสต์เรื่องการเมืองอะไรมาก แต่พอถึงจุดที่ต้องแสดงตัว เราคิดว่าควรทำก็ต้องทำ จำได้เลยว่า โพสต์แรกที่โพสต์ไว้คือ “ใครที่ไม่เห็นด้วยกับการชัตดาวน์ ก็ช่วยชัตอัพ” โห..แม่เจ้า (เสียงสูงปนหัวเราะ) ในเพจไม่เคยมียอดกดไลค์เยอะขนาดนั้นมาก่อน โพสต์เดียวมีคนกดไลค์เป็นหมื่นๆ แล้วแชร์ออกไปเยอะมาก คนเข้ามาด่าก็เยอะ เข้ามาชมก็เยอะ โอ้โห เครียดมากตอนนั้น คิดเลยว่าเราทำอะไรลงไป คนที่เข้ามาต่อว่าค่อนข้างแรงพอสมควร มีคำหยาบคายเยอะ คนที่เคยชื่นชอบก็เข้ามาบอกว่าทำไมคุณต้องเลือกข้าง คุณเป็นศิลปิน ทำไมคุณไม่ทำแต่เพลง
แล้วตอบเขาไปยังไงครับว่าทำไมต้องเลือกข้าง
แฟรี่บอกว่า อาชีพของเราคือศิลปิน แต่หน้าที่ของความเป็นประชาชน เราก็ต้องแสดงออกเหมือนกัน แต่สารภาพเลยว่าวันแรกๆ ก็เครียดอยู่เหมือนกัน เพราะมีแฟนคลับหลายคนที่ชื่นชอบเรา แต่เหมือนเขาเสียความรู้สึกที่เราแสดงตัวและเลือกข้าง ถามว่าแคร์ไหม เราแคร์นะ มีบางคนมาพูดทำนองว่า
โอ๊ย แฟรี่เหรอ รู้จักประชาธิปไตยดีมากแค่ไหน เห็นหน้าตาแบบนี้ ไม่พ่อหรือแม่ก็ต้องเป็นต่างชาติสินะ อย่ามาพูดถึงประชาธิปไตย โง่!!!!!!
โอ้โห อะไรกันเนี่ย เราก็งง โดนด่าคำว่าโง่กับคำว่าตั่วเฮียเยอะมาก ร้ายอ่ะ (หัวเราะ) ตอนแรกเราพยายามใช้วิธีการพูดดีๆ ไม่ด่า หลังๆ เขาเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เราก็ไม่คุย บล็อกไป
ฟังมาว่า นอกจากประกาศจุดยืนในเฟซบุ๊กแล้ว ยังเคยไปขึ้นเวทีการชุมนุมด้วย
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) คือมีพี่คนหนึ่ง เขาเอามิวสิกวิดีโอเพลง “ดอกไม้” ไปบังคับให้เวทีสีลมเปิดทุกวันหลังเพลงสรรเสริญพระบารมี (หัวเราะ) หลายคนก็เลยเริ่มถามถึงว่าเปิดเพลงให้ดูทุกวัน เมื่อไหร่จะพาตัวจริงมา เขาก็เลยเชิญไป แฟรี่ก็ไป สนุก ตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นจริงๆ นะ ตอนไปคิดเลยว่าเขาฟังเพลงแล้วเขาจะรู้จักเราหรอ ต้องไม่รู้จักแน่ๆ แล้วเขาจะรำคาญไหม ประหม่ามาก แต่เอาเข้าจริง ทุกคนกลับให้กำลังใจ ส่วนตัวแฟรี่ไปชุมนุมบ่อยมาก แต่ไม่เคยขึ้นเวทีมาก่อน นี่เลยเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้ขึ้นเวที (หัวเราะ)
จะว่าไปมันได้ความสุขนะ รู้สึกดีที่ได้ไปให้กำลังใจคนที่เขาต่อสู้ เราไปทำให้เขามีความสุข เราก็มีความสุขที่เขามีความสุขไปกับเรา เหมือนเป็นสุขแลกสุข แล้วคนที่ฟัง มีอุดมการณ์เดียวกันกับเรา เป็นคนไทยที่ตื่นรู้ เป็นคนไทยที่ตื่นแล้ว เป็นคนที่เสียสละ เป็นคนที่กำลังมองเรา ฟังเรา แล้วก็ชื่นชมเราอยู่ มันประทับใจค่ะ
คิดว่าจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องข้องเกี่ยวกับเรื่องการเมือง
แฟรี่มองว่า คนเรามีหลายบทบาท บทบาทลูก เราก็ต้องทำหน้าที่ลูกให้ดี บทบาทคนทำงาน เราก็ต้องทำงานให้ดี บทบาทประชาชน เราก็ต้องทำให้ดีเหมือนกัน เราต้องทำทุกสิ่งที่เราได้รับมอบหมายมาให้ดีที่สุด เราอาจจะมีอาชีพเป็นนักแสดง นักร้อง หรือเป็นใครก็ตามที่มีชื่อเสียง แต่อีกหนึ่งด้าน เราก็คือประชาชนที่มีสิทธิ มีเสียงเท่ากันกับทุกคน
พูดอย่างถึงที่สุด แฟรี่มีความคิดเห็นอย่างไรครับกับการบ้านการเมืองยุคนี้
ส่วนตัวคิดว่าย่อยยับค่ะ มันไม่มีอะไรเหลือแล้ว เคยถามตัวเองว่าถ้าเขาปฏิรูปแล้วเลือกตั้งใหม่ แล้วมีนักการเมืองมาให้เลือก เราก็ไม่รู้ว่าจะเลือกใคร มันไม่มีในใจ มันเป็นเรื่องที่มืดมน ได้แต่หวังและสวดมนต์ให้ประเทศชาติดีขึ้น เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจหรืออะไรต่อมิอะไร มันแย่ไปหมด พูดเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อ บอกไม่ถูก เรื่องนี้กระทบทุกคนค่ะ
…To Know Her More…
ไม่ใช่คน “โลกสีชมพู” *
“เป็นคนไม่หวาน ไม่เรียบร้อยเลยค่ะ (ยิ้ม) มีหลายคนคิดว่าเราต้องเป็นคนหวานแน่ๆ แต่พอได้รู้จัก จะรู้เลยว่าตัวจริงนิสัยเหมือนผู้ชายมาก แฟรี่มีพี่สาวและน้องชาย แฟรี่สนิทกับน้องชายมากกว่า แถมโตขึ้นก็มีแต่เพื่อนผู้ชายอีก เลยจะออกแนวห้าวและลุยๆ หน่อย (หัวเราะ)
“เพื่อนฉันคือท้องฟ้าและสายลม” **
“มีหลายมุมมาก บางทีอยากอยู่อย่างสงบก็จะสงบสุดๆ ไปนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมบ้าง หรืออีกมุมก็จะหลุดไปเลย เฮฮาปาร์ตี้ หลายแนวจริงๆ (หัวเราะ) ชอบลุย ชอบเข้าป่า ท่องเที่ยวแนววิถีชีวิต คุณพ่อของแฟรี่ชอบพาไปเที่ยวแบบนี้ ชอบที่จะอยู่ป่า อยู่กับธรรมชาติ เวลาไปอยู่กับธรรมชาติ เราสามารถรับรู้ได้เลยว่าจิตวิญญาณฝ่ายดีทำงานดีขึ้น สงบมากขึ้น การใช้ชีวิตสมถะมากขึ้น แฟรี่ชอบแบบนี้มาตั้งแต่เด็กเพราะเป็นคนชิลชิล ติดดิน ชอบความเรียบง่ายมาก”
“ฉันวิ่งตาม ตั้งแต่ในความฝัน” ***
“ตอนเด็กอยากเป็นพิธีกรหรือไม่ก็ผู้ประกาศข่าว ชอบเอากระดาษมานั่งอ่าน วางกระจกไว้ข้างหน้า (หัวเราะ) แต่พอโตขึ้น ไม่อยากเป็นผู้ประกาศแล้วเพราะดูซีเรียสไป หลังๆ อยากเป็นพิธีกร และบังเอิญได้เป็น แปลกดีเหมือนกันที่เราได้เป็นตามที่ฝันไว้ (หัวเราะ) ส่วนเรื่องร้องเพลง เคยเป็นนักร้องโรงเรียนตั้งแต่ ป.4 แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นไปประกวด เพิ่งมาเรียนร้องเพลงจริงจังก็ตอนที่จะออกอัลบัมนี่เองค่ะ”
ชีวิต “ไม่เลิศหรูแต่มีชีวิตชีวา” ****
“แฟรี่ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ทำอะไรต่างๆ ที่อยากทำ ชอบทำหลายอย่างมาก (หัวเราะ) ไปเรียนเต้น ขี่ม้า ยิงปืน แต่สิ่งที่ทำบ่อยที่สุดคือดูหนังกับอ่านหนังสือ ชอบอ่านหนังสือธรรมะ เพราะชอบคำสอน คติสอนใจ รู้สึกว่าโดนใจดี (ยิ้ม) และอีกอย่างแฟรี่ชอบอ่านหนังสือลี้ลับด้วย อย่างเช่นเรื่องพญานาคอะไรทำนองนี้ ชอบอะไรที่เป็นเรื่องเล่าขาน เรื่องราวโบราณ ชอบถึงขั้นศึกษาเลยก็มี (หัวเราะ)”
หมายเหตุ
* “โลกสีชมพู” ชื่อเพลงในอัลบัม The Fairy Tale
** บางส่วนจากเนื้อเพลง “แผ่นดินของป่า”
*** บางส่วนจากเนื้อเพลง “อยู่ตรงไหน”
**** บางส่วนจากเนื้อเพลง “แผ่นดินของป่า”
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ และ facebook : Fairy Supakyada (classy)