“อยู่ที่นี่แล้วมีความสุข ผมรักเมืองไทย” โค้ชเช ชเว ย็อง-ซ็อก

ยาวนานกว่า 15 ปี ที่โค้ชเช ‘ชเว ย็อง-ซ็อก’ ทำหน้าที่เฮดโค้ชเทควันโดทีมชาติไทยได้ยอดเยี่ยม ก่อนหน้านั้นอันดับโลกเทควันโดทีมชาติไทยอยู่ในลำดับเกินหลักร้อยมาตลอด อยู่ๆ ถึงกับคว้าเหรียญในมหกรรมกีฬาที่โหดหินที่สุดอย่างโอลิมปิกได้ ไทยไต่อันดับโลกขึ้นมาเรื่อยๆ จากหลักร้อย ลดเหลือหลักสิบ จนสุดท้ายกลายเป็นหลักหน่วย พร้อมกระแสการเล่นเทควันโดที่แพร่หลายมากขึ้น ความดีความชอบก้อนใหญ่จึงถูกยกให้ชายชาวเกาหลีใต้คนนี้ ด้วยความเอาจริงเอาจัง การวางรากฐานอย่างเป็นระบบ จนทำให้เขาเป็นโค้ชต่างชาติไม่กี่คนที่มีแฟนคลับเป็นของตัวเอง วันนี้โค้ชเชประกาศพร้อมสละสัญชาติเกาหลี ขอสัญชาติไทยอย่างเป็นทางการ เพราะอะไรโค้ชเชจึงอยากเป็นคนไทยและอยู่เมืองไทยไปตลอด บทสัมภาษณ์โค้ชเชของ mars ถัดจากนี้มีคำตอบ

เหตุผลที่ทำให้คุณอยากได้สัญชาติไทยคืออะไร

ผมอยู่เมืองไทยมานานกว่า 15 ปีแล้ว และตอนนี้ครอบครัว รวมถึงลูกชายก็อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นมันจะมีหลายๆ เรื่อง เช่น เรื่องการซื้อบ้านเป็นของตัวเองก็อย่างหนึ่ง แต่ถ้ามองกันยาวๆ พูดตรงๆ คือ ถ้าผมต้องอยู่ที่นี่ และผมเป็นคนต่างชาติ เรื่องการจะได้ตำแหน่ง เช่น การเป็นคณะกรรมการในสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทยจะไม่สามารถเป็นได้ จะเป็นได้แค่โค้ชทีมชาติเฉยๆ แล้วการเป็นโค้ชมันไม่สามารถเป็นได้ตลอดชีวิต แก่ตัวไปก็ต้องเลิก ซึ่งถ้าผมแก่ตัวไปก็อยากจะดูแลสมาคมด้วย ไม่ใช่แค่อยากจะซื้อบ้านอย่างเดียว ถ้าคิดถึงอนาคต และเราต้องอยู่ที่นี่นานๆ การได้สัญชาติไทยก็มีประโยชน์เยอะ

ทราบใช่ไหมว่าคนไทยบางส่วนไม่อยากมีสัญชาติไทย หมายถึงว่า บางคนก็อยากย้ายไปอยู่ประเทศอื่นที่ดีกว่า

หลายๆ ชาติก็ต้องการดึงผมไปเป็นโค้ชนะ แต่ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าประเทศไทยเหมือนบ้านหลังที่สองของผม จริงๆ ผมอยู่ที่นี่ก็มีความสุข มีลูกศิษย์ มีผู้ใหญ่ในสมาคม มีคนในสมาคมที่อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปี ดร.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคม อยู่กับผมมากว่าสิบห้าปี ทุกคนเป็นเหมือนครอบครัวหมด ผมเป็นสต๊าฟโค้ช สอนนักกีฬา นักกีฬาก็เป็นลูกศิษย์ผม และทุกคนก็มุ่งมั่น ทุกคนทุ่มเท ผมรักเมืองไทย เพราะทุกคนดูแลผมดี ผมอยู่ที่นี่แล้วมีความสุข อาหารก็อร่อย แล้วคนไทยก็ชอบอะไรเกี่ยวกับเกาหลี ชอบคนเกาหลี ใช่ไหมครับ ซึ่งผมก็ดีใจมาก และขอบคุณทุกคน ผมมาที่นี่วันแรก คือวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2002 ถึงวันนี้นานกว่า 15 ปีแล้ว ถ้าพูดตรงๆ คือชาติอื่นน่าอยู่มากกว่าก็จริง บางชาติให้เงินค่าจ้างมากกว่าที่ไทยก็จริง แต่ผมก็ไม่คิดจะไปที่อื่นอยู่แล้ว

ถ้ามีประเทศไหนให้เงินเยอะกว่าสัก 3 เท่าจะไปไหม

ไม่ครับ คือถ้าไปที่อื่น เต็มที่มากที่สุดก็คงได้แค่การแข่งขันโอลิมปิกครั้งต่อไปคือ ปี 2020 ซึ่งพอถึงตอนนั้น ผมก็จะมีอายุเกือบ 50 ปีแล้ว คงเป็นโค้ชได้ไม่นานแล้ว ดังนั้น ผมคิดว่าคงไม่ไปที่อื่นดีกว่า

คิดถึงการกลับไปเป็นโค้ชสอนเทควันโดให้นักกีฬาเกาหลีบ้างไหม

ไม่ครับ จริงๆ ประมาณหลังช่วงโอลิมปิกที่ลอนดอนปี 2012 สมาคมเทควันโดเกาหลีก็เคยถามว่า คุณจะกลับมาเป็นโค้ชให้ทีมชาติเกาหลีไหม แต่ผมก็บอกเขากลับไปว่า ไม่ครับ เพราะเกาหลีใต้มีโค้ชเก่งๆ เยอะอยู่แล้ว และจริงๆ พอผมคิดไปคิดมา ผมก็คิดได้ว่า ตอนที่ผมมาประเทศไทยแรกๆ มันลำบากมากนะ แต่สมาคมเทควันโดไทยก็คอยช่วยเหลือผมมาตลอด ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผมจะลืมไม่ได้เป็นอันขาด

เวลาไปแข่งขันในรายการต่างๆ เมื่อลูกศิษย์ ซึ่งเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยต้องเจอกับนักกีฬาเกาหลีใต้ชาติบ้านเกิดของคุณเอง คุณรู้สึกอย่างไร

ตอนผมมาอยู่ประเทศไทยแรกๆ ผมเคยคุยกับนักกีฬาไทยนะครับว่า ผมอยากเอาชนะเกาหลี เพราะกีฬาเทควันโดเป็นกีฬาประจำชาติของเกาหลีใช่ไหม และนักกีฬาเกาหลีก็เก่งจริงๆ ดังนั้น ผมเลยอยากเอาชนะคนที่เก่งและชาติที่เป็นเหมือนออริจินอลของเทควันโดให้ได้ จริงๆ แล้วเวลาต้องเจอนักกีฬาเกาหลี ผมจะเตรียมพร้อมมากกว่าเวลาจะไปเจอนักกีฬาชาติอื่นด้วยซ้ำ เพราะเราอยากเอาชนะจริงๆ

คิดถึงเรื่องชาตินิยมบ้างไหม

ชาติก็ส่วนชาติ กีฬาก็ส่วนกีฬาครับ มันต้องแยกกัน เราเป็นโค้ช เป็นนักกีฬา ลงไปในสนามแล้วต้องพยายามชนะให้ได้ครับ ผมไม่เคยคิดว่า โอ้ ผมเป็นคนเกาหลี ต้องเข้าข้างคนเกาหลี ผมไม่เคยคิดแบบนั้น เพราะตอนนี้ผมเป็นโค้ชให้ทีมชาติไทย หน้าที่ของเราคือทำให้นักกีฬาไทยชนะ ถ้าเอาเรื่องพวกนี้มาปนกันมันก็ไม่ใช่มืออาชีพ และอย่างที่บอกไปแล้วว่า ทั้งหมดทั้งมวลในนักกีฬาชาติต่างๆ ผมอยากชนะเกาหลีมากที่สุดด้วย

ตอนเข้ามาแรกๆ มีปัญหาเรื่องวัฒนธรรมบ้างไหม

เราเป็นคนเอเชียเหมือนกันใช่ไหมครับ ดังนั้นวัฒนธรรมของคนเกาหลีใต้กับคนไทยก็จะไม่ต่างกันมากนัก อาจจะไม่มีเรื่อง culture shock อะไรมากมาย แต่เรื่องที่ผมลำบากที่สุดคือเรื่องภาษา เพราะก่อนหน้านี้ ผมเคยได้ยินแค่ชื่อของเมืองไทย แต่ไม่เคยมา ไม่ค่อยรู้เรื่องภาษาไทยสักเท่าไหร่ คำว่าสวัสดีครับ ขอบคุณครับ นี่ไม่รู้เลยว่าพูดอย่างไร ช่วงแรกๆ เรื่องภาษาจะลำบากที่สุด จริงๆ ตอนแรกๆ อาหารไทยก็กินไม่ค่อยเป็นสักเท่าไหร่ด้วย แต่หลังๆ ก็ค่อยๆ ดีขึ้น เพราะผมต้องกินข้าวนักกีฬาตลอด คือเราจะกินข้าวกับนักกีฬาเป็นบุฟเฟต์ แล้วถ้าผมไม่ยอมกินข้าว นักกีฬาเขาก็คงจะสงสัยว่า โค้ชเขาแปลกๆ เนอะ ทำไมเขาถึงไม่กินข้าว หรือเพราะกินไม่เป็น ดังนั้นผมต้องอดทน บางทีก็กินไม่ไหวหรอก แต่ต้องพยายามกิน ผมเคยท้องเสียหลายครั้งเหมือนกันนะ แต่ผมต้องพยายามทำเป็นตัวอย่าง เพราะเราต้องเป็นคนครอบครัวเดียวกัน กินข้าวก็ควรกินเหมือนกัน

อีกแง่หนึ่ง 'โค้ชเช' ก็เป็นโค้ชซูเปอร์สตาร์ที่นำความสำเร็จมาสู่วงการเทควันโดไทยจนได้รับคำชื่นชมมากมาย คุณรู้สึกอย่างไรที่มีคนชื่นชอบคุณมากมายขนาดนั้น

รู้สึกขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆ ผมรู้สึกโชคดีมาก เพราะจริงๆ ในไทยมีโค้ชต่างชาติเยอะ มีเกือบทุกชนิดกีฬา แต่ก็ยังมีคนรักผมและให้กำลังใจผม ผมรู้สึกดีครับ ดีใจจริงๆ คิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยมีความสุขต่อไปเรื่อยๆ ผมจึงต้องทำงานจริงจัง

เป้าหมายสูงสุดของอาชีพโค้ชคืออะไร

จริงๆ ถ้าเอาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งก่อน ผมอยากเป็นคุณพ่อที่ดี เพราะผมไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับพ่อ เพราะพ่อเสียชีวิตตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมไม่รู้ว่าการเป็นพ่อคืออะไร พ่อคือใคร ซึ่งตอนนี้ผมมีลูกชายหนึ่งคน ก็อยากเป็นคุณพ่อที่ดี เลือกจริงจังกับงานที่ทำ เพราะผมอยากดูแลครอบครัวให้ดี ส่วนในฐานะโค้ช เมื่อไหร่ที่เห็นนักกีฬาได้รางวัลใหญ่ๆ เช่น เอเชียนเกมส์ ชิงแชมป์โลก โอลิมปิก ผมก็ดีใจ คิดว่ามันเป็นโอกาสที่ทำให้เขาเปลี่ยนชีวิตของตัวเองได้ ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการมอบโอกาสที่ดีกว่าให้แก่ใครสักคน

อะไรในชีวิตนี้ที่ทำให้คุณมีความสุขได้มากที่สุด

ตอนนี้ แน่นอนว่าอย่างแรกคือครอบครัว จริงๆ ผมก็โชคดีด้วย เพราะมีงานทำ และได้ทำงานที่ทำแล้วมีความสุข แต่ถ้าครอบครัวอยู่ที่นี่แล้วพวกเขาบอกว่าไม่ชอบ ไม่มีความสุข อยากกลับเกาหลี จะให้ผมดึงดันอยู่ที่นี่ต่อไปผมก็คงไม่มีความสุข ดังนั้นสิ่งสำคัญคือผมอยากให้ครอบครัวสบาย มีความสุข และตอนนี้เขาก็สบาย มีความสุข ลูกชายของผมก็ชอบอยู่ที่นี่ การศึกษาของเขาก็สำคัญ เพราะตอนนี้เขาพูดได้ 3 ภาษา ทั้งภาษาอังกฤษ ไทย เกาหลี ซึ่งผมคิดว่าถ้าไปใช้ชีวิตอยู่ที่เกาหลีคงไม่ได้ทักษะเหล่านี้แน่ๆ ภาษาอังกฤษคงได้แค่นิดๆ หน่อยๆ แต่พอมาอยู่ที่นี่ เจอคนไทย ก็พูดภาษาไทย เจอคนต่างชาติก็พูดภาษาอังกฤษ อยู่กับผมก็พูดภาษาเกาหลี ผมคิดว่ามันดีสำหรับเขา และอีกอย่างที่สำคัญเลยคือ เมื่อไหร่ที่นักกีฬาไทยไปแข่งแล้วได้ชัยชนะ ประสบความสำเร็จ ผมก็จะมีความสุขมากๆ ครับ
เรื่องและภาพ : mars

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE